ผู้ป่วยติดเตียง (Bedridden Patient) เป็นกลุ่มที่ต้องอาศัยการดูแลใกล้ชิดและต่อเนื่อง เนื่องจากไม่สามารถขยับตัวหรือช่วยเหลือตัวเองได้เหมือนเดิม การดูแลผิดวิธีหรือขาดความรู้ที่ถูกต้อง อาจทำให้เกิด ภาวะแทรกซ้อน ที่กระทบทั้งร่างกาย อารมณ์ สภาพจิตใจ และอาจถึงขั้นอันตรายได้
ด้วยเหตุนี้ ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ และผู้ดูแลในครอบครัวจำเป็นต้องเข้าใจ “อาการแทรกซ้อนที่ต้องระวัง” เพื่อจะสามารถป้องกันได้อย่างถูกต้อง ลดความเสี่ยง และช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุด
บทความนี้จะพาคุณรู้ลึก—รู้จริงเกี่ยวกับ 6 อาการแทรกซ้อนสำคัญของผู้ป่วยติดเตียง พร้อมวิธีป้องกัน การดูแลที่เหมาะสม และคำแนะนำจากประสบการณ์ของศูนย์ดูแลผู้สูงอายุแบบมืออาชีพ
ทำไมผู้ป่วยติดเตียงจึงมีความเสี่ยงต่อ “อาการแทรกซ้อน”?
การเคลื่อนไหวที่จำกัด ทำให้ระบบร่างกายทำงานผิดปกติ
เมื่อผู้ป่วยไม่สามารถนั่ง เดิน หรือขยับตัวได้ตามปกติ ระบบต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น ระบบไหลเวียนเลือด ระบบหายใจ ระบบขับถ่าย จะทำงานช้าลง ส่งผลให้เกิดความผิดปกติสะสม
โรคหรือภาวะที่เคยควบคุมได้ อาจลุกลามรุนแรงขึ้น เช่น
- ปอดแฟบ
- ท้องผูกเรื้อรัง
- กล้ามเนื้อลีบ
- แผลกดทับ
ซึ่งพบมากที่สุดในผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง
การพึ่งพาผู้อื่นในการดูแล 100%
ผู้ป่วยติดเตียงมักต้องพึ่งพาผู้ดูแลทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น
- การพลิกตัว
- การให้อาหาร
- การดูแลความสะอาด
- การป้องกันแผลกดทับ
- การพาเข้าห้องน้ำ
จึงทำให้หากผู้ดูแล “ละเลยบางขั้นตอน” อาจนำไปสู่ปัญหาใหญ่ได้ทันที
ภาวะจิตใจอ่อนไหว ทำให้แทรกซ้อนทางอารมณ์เกิดได้ง่าย
ความโดดเดี่ยว ความเครียด หรือความรู้สึกไร้ค่า
อาจนำไปสู่
- ภาวะซึมเศร้า
- ความสับสน
- อาการหลงลืม
- การต่อต้านการรักษา
จึงต้องอาศัยการดูแลแบบ “กาย-ใจ-สังคม” พร้อมกัน
6 อาการแทรกซ้อน ที่ผู้ป่วยติดเตียงต้องระวังเป็นพิเศษ
1) แผลกดทับ – ภาวะแทรกซ้อนอันดับ 1 ของผู้ป่วยติดเตียง
สาเหตุของแผลกดทับ
เกิดจากการกดทับของผิวหนังเป็นเวลานาน เลือดไหลเวียนไม่ดี ทำให้เนื้อเยื่อตายและเกิดแผลลึก
ตำแหน่งที่พบบ่อย
- ส้นเท้า
- สะโพก
- กระดูกก้นกบ
- ไหล่
- หลัง
ผลกระทบ
- เจ็บปวดมาก
- ติดเชื้อได้ง่าย
- แผลลุกลามจนเห็นกระดูก
- อาจกลายเป็นภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด
วิธีป้องกัน
- พลิกตะแคงทุก 2 ชั่วโมง
- ใช้เบาะลมลดแรงกดทับ
- ทาครีมบำรุงผิวหนัง
- ดูแลความแห้ง–สะอาดเสมอ
- ตรวจผิวหนังทุกวัน
ในศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ บริบาลมักมีตารางการพลิกตัวอย่างเข้มงวดเพื่อลดความเสี่ยงแผลกดทับได้เกือบ 100%
2) กลืนอาหารลำบาก – เสี่ยงสำลัก ปอดอักเสบ และอันตรายถึงชีวิตป่วยติดเตียงจำนวนมากมีปัญหาการกลืนลำบาก โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีโรคหลอดเลือดสมอง
อาการสำคัญ
- ไอระหว่างกิน
- กลืนช้า
- ค้างอาหารในปาก
- สำลักน้ำ
- น้ำลายไหล
อันตรายที่ตามมา
- ปอดอักเสบจากการสำลัก
- ขาดสารอาหาร
- น้ำหนักลด
- เสี่ยงเสียชีวิตหากสำลักหนัก
แนวทางดูแลที่ถูกต้อง
- ป้อนช้า ๆ ไม่เร่ง
- ปรับความข้นของอาหาร
- ให้ผู้ป่วยนั่งเอนประมาณ 70–90 องศา
- หลีกเลี่ยงอาหารแข็งหรือเป็นเส้น
ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุจะมีนักกิจกรรมบำบัดช่วยประเมินการกลืน (Swallowing Assessment) และฝึกกลืนอย่างมืออาชีพ
3) ปอดแฟบ – ภาวะที่เกิดจากการนอนนานและขาดการเคลื่อนไหว
สาเหตุของปอดแฟบ
- การนอนราบนานเกินไป
- เสมหะคั่ง
- การหายใจตื้น
อาการ
- หายใจเร็ว
- เหนื่อยง่าย
- ไอไม่ออก
- ออกซิเจนในเลือดต่ำ
วิธีป้องกัน
- จัดท่านั่งให้ผู้ป่วย 2–3 ชั่วโมง/วัน
- เคาะปอด
- ฝึกการหายใจลึก
- ดูดเสมหะเมื่อจำเป็น
หากเกิดร่วมกับการกลืนผิดปกติ อาจนำไปสู่ ปอดอักเสบรุนแรง ต้องรักษาด่วน
4) ท้องผูกเรื้อรัง – ปัญหาที่หลายคนมองข้าม
ผู้ป่วยติดเตียงมักท้องผูกเพราะ
- เคลื่อนไหวน้อย
- กินอาหารไม่ครบหมู่
- ดื่มน้ำไม่พอ
- ผลข้างเคียงของยา
ผลกระทบ
- ปวดท้อง
- เบื่ออาหาร
- อุจจาระอุดตัน
- อาจต้องใช้มือเอาอุจจาระออก (Manual Disimpaction)
- เพิ่มความเสี่ยงแผลกดทับ
วิธีดูแลและป้องกัน
- เพิ่มผัก–ผลไม้
- ดื่มน้ำเพียงพอ
- ออกกำลังกายเบา ๆ บนเตียง
- ฝึกขับถ่ายเวลาเดิมทุกวัน
- ปรับยาระบายโดยแพทย์
5) กล้ามเนื้อลีบ ข้อติด – ทำให้ผู้ป่วยเคลื่อนไหวไม่ได้อีก
การไม่ขยับเป็นเวลานานทำให้
- กล้ามเนื้อฝ่อลง
- ข้อติด
- ปวดเรื้อรัง
- การทรงตัวแย่ลง
การกายภาพบำบัดช่วยได้มาก
- บริหารข้อต่อ
- ฝึกยืดเส้น
- กระตุ้นกล้ามเนื้อด้วยไฟฟ้า
- ฝึกนั่ง / ฝึกยืนสำหรับบางราย
ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุจะมีนักกายภาพบำบัดช่วยวางแผนการฟื้นฟูรายบุคคล
6) ภาวะซึมเศร้า และสับสน – ปัญหาเงียบที่อันตรายไม่แพ้ร่างกาย
ผู้ป่วยติดเตียงมีโอกาสเกิดภาวะซึมเศร้าสูง เนื่องจาก
- ขาดการเข้าสังคม
- เครียดจากการพึ่งพาผู้อื่น
- รู้สึกไร้ค่า
- เจ็บป่วยเรื้อรัง
สัญญาณเตือน
- เบื่ออาหาร
- ไม่พูด
- นอนไม่หลับ
- ไม่อยากทำกิจกรรม
- สับสน หลงลืม
แนวทางการดูแลที่เหมาะสม
- ให้ผู้ป่วยได้พูดคุย
- เปิดเพลงเบา ๆ
- ให้ทำกิจกรรมง่าย ๆ
- ให้ครอบครัวมาเยี่ยมบ่อย ๆ
- เฝ้าระวังอาการซึมเศร้า
ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่มีทีมจิตวิทยาหรือกิจกรรมบำบัดช่วยให้ผู้ป่วยกลับมามีชีวิตชีวาได้มาก
แนวทางการดูแลผู้ป่วยติดเตียงที่ถูกต้องตามมาตรฐานศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ
มีการประเมินสภาพร่างกายรายวัน
ผู้ดูแลต้องตรวจ
- ผิวหนัง
- ระบบหายใจ
- การขับถ่าย
- ระดับความรู้สึกตัว
- ภาวะขาดน้ำ
เพื่อจับความผิดปกติให้ได้ตั้งแต่เริ่มแรก
กิจกรรมฟื้นฟูและกายภาพบำบัดอย่างสม่ำเสมอ
ช่วยลดความเสี่ยงกล้ามเนื้อลีบและปอดแฟบได้อย่างมาก
ดูแลจิตใจผู้ป่วย ควบคู่ร่างกาย
ศูนย์ดูแลที่ดีต้องมี
- กิจกรรมกลุ่ม
- ศิลปะบำบัด
- ดนตรีบำบัด
- การพูดคุยสร้างกำลังใจ
เพราะความสุขเป็นส่วนหนึ่งของการรักษา
ทีมแพทย์–พยาบาลพร้อมดูแลตลอด 24 ชม.
ผู้ป่วยติดเตียงมีโอกาสเกิดเหตุฉุกเฉินสูง การมีบุคลากรวิชาชีพช่วยลดความเสี่ยงได้มากที่สุด
บทสรุป : ผู้ป่วยติดเตียงสามารถมี “คุณภาพชีวิตดี” ได้ หากได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง
แม้ผู้ป่วยติดเตียงจะมีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนหลายด้าน แต่ทุกปัญหาสามารถ “ป้องกันได้” หากได้รับการดูแลที่ถูกต้อง ครบถ้วน และเหมาะสม การดูแลเชิงป้องกันสำคัญที่สุด โดยเฉพาะการดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญ เช่น ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ที่มีทีมแพทย์ พยาบาล นักกายภาพบำบัด และนักบริบาลร่วมกันดูแลอย่างใกล้ชิด
เพื่อให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในทุกวัน
และครอบครัวมี “ความสบายใจ” ว่าคนที่รักได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด