โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) ถือเป็นสาเหตุการเสียชีวิตและพิการอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ การดูแลผู้ป่วยหลังเกิด Stroke จำเป็นต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง การฟื้นฟูที่ต่อเนื่อง และสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เพื่อให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงเดิมมากที่สุด การดูแลผู้ป่วย Stroke แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่
- ระยะเฉียบพลัน (Acute Phase)
- ระยะกึ่งเฉียบพลัน (Subacute Phase)
- ระยะยาว (Long-term Rehabilitation)
แต่ละระยะมีแนวทางการดูแลที่แตกต่างกัน การเข้าใจแต่ละขั้นตอนจะช่วยให้ครอบครัวสามารถตัดสินใจเลือกแนวทางการรักษาและสถานที่ดูแลที่เหมาะสม เช่น ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่มีบริการฟื้นฟูผู้ป่วย Stroke อย่างบ้านลลิสา เมืองเชียงใหม่ ที่มีทีมสหวิชาชีพดูแลครบวงจร
บทความนี้จะอธิบายแบบละเอียดทุกขั้นตอน ตั้งแต่สาเหตุ อาการ การดูแลรายระยะ รวมถึงเหตุผลที่ควรเลือกศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการฟื้นฟูที่ปลอดภัยและได้ผลที่สุด
โรค Stroke คืออะไร? ทำไมต้องดูแลอย่างถูกวิธีตั้งแต่วันแรก
Stroke คืออะไร
Stroke หรือโรคหลอดเลือดสมอง คือภาวะที่เลือดไม่สามารถไหลไปเลี้ยงสมองได้ ทำให้เซลล์สมองขาดออกซิเจนและเสียหายอย่างรวดเร็ว หากรักษาช้าเพียงไม่กี่ชั่วโมงอาจส่งผลให้ผู้ป่วยพิการถาวรหรือเสียชีวิตได้
Stroke มี 2 ประเภทหลัก
- แบบหลอดเลือดตีบ/อุดตัน (Ischemic Stroke) — พบมากที่สุด
- แบบหลอดเลือดแตก (Hemorrhagic Stroke) — มักรุนแรงและอันตราย
ทำไมการฟื้นฟูต้องเริ่มทันที
สมองมีความสามารถฟื้นตัวได้ดีที่สุดในช่วง 0–6 เดือนแรก หลังเกิด Stroke ดังนั้นการฟื้นฟูที่ถูกต้องในแต่ละระยะ จะช่วย
- ลดการเกิดภาวะแทรกซ้อน
- ลดการพิการระยะยาว
- เพิ่มการกลับมาเดิน พูด หรือดูแลตัวเองได้
- ลดโอกาสเกิดซ้ำ
การฟื้นฟูผู้ป่วย Stroke 3 ระยะอย่างถูกวิธี
ระยะที่ 1 – ระยะเฉียบพลัน (Acute Phase)
ช่วงเวลา: 24–72 ชั่วโมงแรกถึง 7 วันแรกหลังเกิด Stroke
ช่วงนี้ถือเป็น “ระยะทอง” ที่ผู้ป่วยต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์โดยใกล้ชิด เพื่อประเมินความรุนแรงและป้องกันภาวะแทรกซ้อนอันตราย เช่น สมองบวม การกลืนผิดทาง ปอดอักเสบ หรือแผลกดทับ
จุดประสงค์ของการดูแลระยะเฉียบพลัน
- ช่วยชีวิตผู้ป่วยให้ปลอดภัย
- ป้องกันอาการทรุด
- ควบคุมภาวะแทรกซ้อน
- เตรียมพร้อมสำหรับการฟื้นฟูในระยะต่อไป
การดูแลผู้ป่วย Stroke ในระยะเฉียบพลันควรทำอะไรบ้าง
1. การประเมินทางระบบประสาท (Neurological Assessment)
แพทย์จะใช้คะแนน NIHSS เพื่อตรวจระดับความรุนแรง เช่น แขนขาอ่อนแรง พูดไม่ชัด การทรงตัวผิดปกติ
2. ควบคุมความดันโลหิต น้ำตาล และออกซิเจน
เพราะความดันที่ไม่คงที่อาจทำให้สมองเสียหายเพิ่ม
3. ประเมินการกลืน
หลายรายกลืนอาหารไม่ได้ หากฝืนกินอาจสำลักและติดเชื้อปอดได้
4. เริ่มการกายภาพเบื้องต้น
แม้ยังนอนโรงพยาบาล ก็ต้องเริ่ม
- พลิกตัว
- ฝึกหายใจ
- ขยับข้อต่างๆ แบบ Passive
เพื่อไม่ให้กล้ามเนื้อหดเกร็งและเกิดแผลกดทับ
ระยะที่ 2 – ระยะกึ่งเฉียบพลัน (Subacute Phase)
ช่วงเวลา: 1–3 เดือนแรก
นี่คือระยะสำคัญที่สุดของการฟื้นฟู เพราะสมองยังสามารถเรียนรู้และสร้างเส้นใยประสาทใหม่ได้ดี เรียกว่า Neuroplasticity
เป้าหมายการฟื้นฟูในระยะ Subacute
- กระตุ้นการเคลื่อนไหว (Motor Recovery)
- ปรับสมดุลการเดิน
- ฝึกการใช้แขน มือ นิ้ว
- พัฒนาการพูด การกลืน
- ลดเกร็งของกล้ามเนื้อ
- ป้องกันภาวะซึมเศร้าในผู้สูงอายุ
การดูแลผู้ป่วยในศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ช่วยฟื้นฟูได้อย่างไร
สถานที่อย่างบ้านลลิสาเมืองเชียงใหม่ มีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลใกล้ชิด ทำให้การฟื้นฟูเป็นระบบและต่อเนื่องมากกว่าการพักที่บ้าน
การฟื้นฟูประกอบด้วย
1. กายภาพบำบัด (Physical Therapy)
- ฝึกเดิน
- ฝึกทรงตัว
- ยืดกล้ามเนื้อ
- ลดอาการเกร็ง
2. กิจกรรมบำบัด (Occupational Therapy)
- ฝึกใช้มือ
- จับของ
- ใส่เสื้อผ้า
- ดูแลตัวเองได้ในชีวิตประจำวัน
3. ฝึกพูดและการกลืน (Speech Therapy)
เหมาะกับผู้ป่วยที่
- พูดไม่ชัด
- สำลัก
- กลืนลำบาก
4. โปรแกรมฟื้นฟูแบบเครื่องมือทันสมัย
เช่น
- เครื่องลดเกร็ง
- Robot rehab
- ระบบฝึกขาไฟฟ้า
ระยะที่ 3 – ระยะยาว (Long-term Rehabilitation)
ช่วงเวลา: มากกว่า 3 เดือนขึ้นไป
ในผู้ป่วยบางราย อาจต้องการการดูแลระยะยาว เพราะอาจเคลื่อนไหวไม่สะดวก หรือไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เต็มที่
เป้าหมายการดูแลระยะยาว
- รักษาความสามารถที่ฟื้นฟูมาแล้ว
- ป้องกันความเสื่อมและโรคแทรกซ้อน
- ปรับตัวเข้ากับการใช้ชีวิตประจำวัน
- ฟื้นฟูสภาพจิตใจ
- เสริมกิจกรรมที่สร้างความสุขในผู้สูงอายุ
บทบาทของศูนย์ดูแลผู้สูงอายุในระยะ Long-term
ศูนย์ดูแลที่ดีต้องมี
- ทีมพยาบาล 24 ชม.
- นักกายภาพ นักกิจกรรมบำบัด
- อาหารเหมาะกับโรคเฉพาะ
- ห้องพักปลอดภัย ผู้สูงอายุใช้ได้ง่าย
- การติดตามอาการรายวัน
- ลดภาระคนในครอบครัว
บ้านลลิสา เมืองเชียงใหม่ มีบริการทั้งการดูแลผู้สูงอายุแบบทั่วไป และแบบเฉพาะโรค เช่น Stroke, หลอดเลือดสมอง, อัมพฤกษ์อัมพาต และผู้ป่วยติดเตียง
ทำไมต้องเลือกศูนย์ดูแลผู้สูงอายุในการฟื้นฟูผู้ป่วย Stroke
1. ความปลอดภัยสูงสุด
มีทีมแพทย์–พยาบาลตรวจคัดกรองอาการเสี่ยง เช่น
- ไข้
- แผลกดทับ
- ปอดอักเสบ
- ภาวะสำลักอาหาร
2. มีอุปกรณ์ฟื้นฟูครบวงจร
ตั้งแต่เครื่องกายภาพบำบัด เครื่องฝึกเดิน เครื่องลดเกร็ง จนถึงการบริหารแบบรายบุคคล
3. การฟื้นฟูต่อเนื่อง ไม่สะดุด
ต่างจากการให้คนในบ้านดูแลที่อาจขาดความสม่ำเสมอ
4. ลดความเครียดของครอบครัว
ทำให้ลูกหลานมีเวลาไปทำงาน และมั่นใจว่าผู้ป่วยได้รับการดูแลที่ดีที่สุด
สัญญาณที่ควรพาผู้ป่วยเข้าศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ
- ผู้ป่วยขยับตัวลำบาก
- ต้องดูแล 24 ชม.
- มีภาวะแทรกซ้อน
- ผู้ดูแลหลักไม่พร้อม
- ผู้ป่วยอยู่คนเดียวไม่ได้
- ต้องการกายภาพต่อเนื่อง
เคล็ดลับฟื้นฟูผู้ป่วย Stroke ให้ได้ผลเร็วที่สุด
1. เริ่มกายภาพเร็วที่สุด
ป้องกันกล้ามเนื้อฝ่อลีบและข้อติด
2. ทำทุกวัน
ความต่อเนื่องคือหัวใจของการฟื้นฟู
3. ไม่บังคับผู้ป่วยจนเจ็บ
การฝืนมากเกินไปอาจทำให้แย่กว่าเดิม
4. ดูแลด้านจิตใจด้วย
ผู้ป่วย Stroke มักรู้สึกท้อ ซึมเศร้า ต้องมีการพูดคุยให้กำลังใจ
5. เลือกศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่มีความเชี่ยวชาญ
เพื่อให้ฟื้นฟูได้ตรงจุดที่สุด
สรุป – ฟื้นฟู Stroke 3 ระยะ ต้องถูกวิธีและต่อเนื่อง
การฟื้นฟูผู้ป่วย Stroke แบ่งเป็น 3 ระยะสำคัญ
- ระยะเฉียบพลัน: เน้นความปลอดภัยและป้องกันอาการทรุด
- ระยะกึ่งเฉียบพลัน: ฟื้นฟูเต็มรูปแบบ สมองตอบสนองดีที่สุด
- ระยะยาว: ดูแลต่อเนื่อง ป้องกันเสื่อม
การฟื้นฟูที่ถูกต้องในแต่ละระยะจะช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาเคลื่อนไหว พูด หรือใช้ชีวิตได้ดีขึ้นอย่างมีคุณภาพ และการเลือกศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่มีความพร้อม เช่น บ้านลลิสา เมืองเชียงใหม่ จะช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด ปลอดภัย และเห็นผลฟื้นฟูได้ดีที่สุด