การ ดูแลผู้ป่วยติดเตียง ไม่ใช่เพียงเรื่องของการป้อนอาหารหรือทำความสะอาดร่างกาย แต่เป็นการดูแลแบบองค์รวมที่ต้องใส่ใจทั้ง สุขภาพกาย สุขภาพใจ และคุณภาพชีวิต ของผู้ป่วย เนื่องจากผู้ป่วยติดเตียงมักต้องอยู่ในท่านอนเป็นเวลานาน มีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน เช่น แผลกดทับ ปอดอักเสบ ภาวะซึมเศร้า และทุพโภชนาการ
ดังนั้นผู้ดูแลจึงควรมีความรู้ที่ถูกต้อง เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี และลดภาระครอบครัวได้อย่างยั่งยืน โดยเฉพาะที่ บ้านลลิสาสาขาเชียงใหม่ดูแลผู้สูงอายุ ได้ให้ความสำคัญกับการดูแลผู้ป่วยติดเตียงอย่างครบวงจร ด้วยทีมแพทย์ พยาบาล และนักกายภาพบำบัดผู้เชี่ยวชาญ
วิธีที่ 1: ควรเปลี่ยนท่านอนทุก 2–3 ชั่วโมง
1.1 ทำไมต้องเปลี่ยนท่านอนบ่อย?
- – การนอนท่าเดิมนานเกินไปทำให้ เลือดไม่สามารถไหลเวียนได้สะดวก ส่งผลให้เกิด แผลกดทับ ซึ่งรักษายากและสร้างความเจ็บปวดแก่ผู้ป่วย
- – การเปลี่ยนท่านอนช่วยให้ปอดขยายตัวได้เต็มที่ ป้องกันการติดเชื้อทางเดินหายใจ
1.2 วิธีเปลี่ยนท่านอนที่ถูกต้อง
- – พลิกตัวผู้ป่วยอย่างนุ่มนวล โดยใช้ ผ้ารองพลิกตัว (Draw sheet) เพื่อไม่ให้เกิดการเสียดสีผิวหนัง
- – สลับท่านอนตะแคงซ้าย ขวา และหงาย พร้อมรองหมอนตามข้อพับ เช่น เข่า หลัง หรือสะโพก
1.3 เคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญบ้านลลิสาเชียงใหม่
ที่บ้านลลิสาสาขาเชียงใหม่ดูแลผู้สูงอายุ มีการจัดตารางเปลี่ยนท่านอนผู้ป่วยอย่างเคร่งครัด พร้อมตรวจสอบผิวหนังทุกครั้งเพื่อ ป้องกันแผลกดทับ
วิธีที่ 2: ปรับเตียงเอนประมาณ 45 องศา ขณะทานอาหาร
2.1 เหตุผลที่ต้องปรับเตียง
- – ลดโอกาสสำลักอาหาร ซึ่งอาจนำไปสู่ ภาวะปอดอักเสบจากการสำลัก (Aspiration Pneumonia)
- – ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกมีส่วนร่วมในการทานอาหาร ไม่อึดอัดเหมือนการป้อนในท่านอนราบ
2.2 คำแนะนำเพิ่มเติม
- – ใช้อาหารอ่อน เคี้ยวง่าย ย่อยง่าย เช่น โจ๊ก ซุป ข้าวต้ม
- – แบ่งอาหารออกเป็นมื้อย่อย 5–6 มื้อต่อวันแทนมื้อใหญ่
2.3 การดูแลโภชนาการจากบ้านลลิสา
มีนักโภชนาการดูแลจัดเมนูเฉพาะผู้ป่วย เช่น อาหารสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และผู้ป่วยหลังผ่าตัด เพื่อให้ได้รับสารอาหารครบถ้วน
วิธีที่ 3: เช็ดตัว อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นประจำ
การรักษาความสะอาดของร่างกายผู้ป่วยติดเตียงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม เพราะผู้ป่วยที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้มักมีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อ ไม่ว่าจะเป็นเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา หรือแม้แต่ผื่นผิวหนังจากการอับชื้น
3.1 ทำไมความสะอาดถึงสำคัญ?
- – ป้องกันการติดเชื้อที่ผิวหนัง 👉 ผู้ป่วยติดเตียงมีผิวที่บอบบางและอาจเกิดแผลถลอกได้ง่าย หากไม่รักษาความสะอาดจะเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อ
- – ลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ 👉 ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายใจและมั่นใจมากขึ้น
- – ส่งเสริมสุขภาพจิต 👉 ผู้ป่วยที่สะอาด สดชื่น จะมีอารมณ์ที่ดีขึ้น ไม่รู้สึกถูกทอดทิ้ง
3.2 วิธีดูแลที่ถูกต้อง
เช็ดตัวทุกวัน – ใช้น้ำอุ่นและสบู่อ่อน ๆ เช็ดให้ทั่วร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณรักแร้ ข้อพับ และจุดอับชื้น
- 1. อาบน้ำ (หากทำได้) – ใช้อุปกรณ์ช่วย เช่น เก้าอี้อาบน้ำ หรืออ่างอาบน้ำผู้ป่วย เพื่อความสะดวกและปลอดภัย
- 2. เปลี่ยนเสื้อผ้าและผ้าปูที่นอนเป็นประจำ – อย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง หรือตามความจำเป็น
- 3. ดูแลช่องปาก – ทำความสะอาดช่องปากวันละ 2 ครั้ง ป้องกันกลิ่นปากและการติดเชื้อในช่องปาก หากแปรงฟันไม่ได้ควรใช้ผ้าก๊อซชุบน้ำเกลือหรือน้ำยาบ้วนปากเช็ดแทน
ที่ บ้านลลิสาสาขาเชียงใหม่ดูแลผู้สูงอายุ มีทีมพยาบาลที่ได้รับการฝึกฝนเฉพาะทางในการดูแลสุขอนามัยของผู้ป่วยอย่างมืออาชีพ เพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายตัวและปลอดภัยเสมอ
วิธีที่ 4: ให้ผู้ป่วยนอนในห้องที่สะอาดและอากาศถ่ายเท
สิ่งแวดล้อมรอบตัวมีผลโดยตรงต่อสุขภาพของผู้ป่วยติดเตียง ห้องที่สะอาด โปร่ง และอากาศถ่ายเทจะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อและส่งผลต่อสุขภาพจิตใจของผู้ป่วยโดยตรง
4.1 ประโยชน์ของห้องที่สะอาดและอากาศถ่ายเท
- – ช่วยลดความชื้นและเชื้อรา 👉 ป้องกันโรคทางเดินหายใจ
- – เพิ่มคุณภาพการนอนหลับ 👉 ผู้ป่วยจะพักผ่อนได้เต็มที่และฟื้นฟูร่างกายได้ดียิ่งขึ้น
- – ลดฝุ่นและสารก่อภูมิแพ้ 👉 ป้องกันโรคภูมิแพ้ หอบหืด และโรคระบบทางเดินหายใจ
- – ส่งผลดีต่ออารมณ์ 👉 แสงธรรมชาติและอากาศที่สดชื่นช่วยลดความเครียดและทำให้ผู้ป่วยรู้สึกผ่อนคลาย
4.2 แนวทางดูแลสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม
- 1. ห้องควรโปร่ง โล่ง อากาศถ่ายเทได้ดี
- 2. เปิดหน้าต่างรับแสงแดด อย่างน้อยวันละ 1–2 ชั่วโมง เพื่อฆ่าเชื้อโรคและปรับสมดุลอารมณ์ผู้ป่วย
- 3. ทำความสะอาดห้องทุกวัน โดยเฉพาะบริเวณพื้นและเครื่องนอน
- 4. ควบคุมอุณหภูมิ ให้เหมาะสม ไม่ร้อนหรือเย็นเกินไป เพื่อความสบายของผู้ป่วย
บ้านลลิสาสาขาเชียงใหม่ดูแลผู้สูงอายุ มีห้องพักที่สะอาด ปลอดภัย มีการฆ่าเชื้อและจัดสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมกับการพักฟื้น พร้อมดูแลตลอด 24 ชั่วโมง
วิธีที่ 5: พูดคุย ให้กำลังใจ และสังเกตอารมณ์ความเครียด
ผู้ป่วยติดเตียงไม่ได้เผชิญเพียงปัญหาทางร่างกาย แต่ยังมีความท้าทายทางด้านจิตใจ เช่น ความเหงา ความวิตกกังวล และภาวะซึมเศร้า ดังนั้นการดูแลด้านจิตใจจึงสำคัญไม่แพ้การดูแลร่างกาย
5.1 ทำไมการดูแลจิตใจถึงสำคัญ?
- – ช่วยลดความเหงาและความโดดเดี่ยว
- – ทำให้ผู้ป่วยมีแรงใจในการฟื้นฟูสุขภาพ
- – ป้องกันภาวะซึมเศร้าในผู้ป่วยติดเตียง
- –เสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้ป่วยและครอบครัว
5.2 วิธีดูแลด้านจิตใจผู้ป่วยติดเตียง
- 1. พูดคุยอย่างสม่ำเสมอ – ฟังผู้ป่วยเล่าเรื่องราวหรือระบายความรู้สึก
- 2. ให้กำลังใจ – ใช้คำพูดเชิงบวกและสนับสนุน เพื่อให้ผู้ป่วยมีกำลังใจ
- 3. ชวนทำกิจกรรมเบา ๆ เช่น ฟังเพลง วาดรูป อ่านหนังสือ หรือชมทีวี
- 4. สังเกตอารมณ์และพฤติกรรม หากมีความผิดปกติ เช่น เงียบผิดปกติ เบื่ออาหาร หรือแสดงออกว่าหมดหวัง ควรปรึกษาแพทย์หรือนักจิตวิทยา
บ้านลลิสาสาขาเชียงใหม่ดูแลผู้สูงอายุ มีการจัดกิจกรรมบำบัดทั้งรายบุคคลและกลุ่ม เช่น ดนตรีบำบัด ศิลปะบำบัด และกายภาพบำบัด เพื่อช่วยสร้างรอยยิ้มและพลังใจให้ผู้ป่วยควบคู่ไปกับการดูแลด้านร่างกาย
สรุป
การดูแลผู้ป่วยติดเตียงต้องทำด้วย ความรู้ + ความรัก + ความอดทน ครอบครัวควรมีแนวทางที่ถูกต้องเพื่อสุขภาพกายและใจที่ดีของผู้ป่วย หากครอบครัวรู้สึกว่าไม่สามารถดูแลได้ตลอดเวลา สามารถเลือก ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่มีทีมผู้เชี่ยวชาญ เช่น บ้านลลิสาสาขาเชียงใหม่ดูแลผู้สูงอายุ ที่พร้อมมอบการดูแลครบวงจร