5 วิธีดูแลผู้ป่วยติดเตียงอย่างถูกต้อง เพื่อสุขภาพกายและใจที่ดีของคนที่คุณรัก

วิธีที่ 1: ควรเปลี่ยนท่านอนทุก 2–3 ชั่วโมง

1.1 ทำไมต้องเปลี่ยนท่านอนบ่อย?

1.2 วิธีเปลี่ยนท่านอนที่ถูกต้อง

1.3 เคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญบ้านลลิสาเชียงใหม่

วิธีที่ 2: ปรับเตียงเอนประมาณ 45 องศา ขณะทานอาหาร
2.1 เหตุผลที่ต้องปรับเตียง

2.2 คำแนะนำเพิ่มเติม

2.3 การดูแลโภชนาการจากบ้านลลิสา

วิธีที่ 3: เช็ดตัว อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นประจำ

3.1 ทำไมความสะอาดถึงสำคัญ?

3.2 วิธีดูแลที่ถูกต้อง

วิธีที่ 4: ให้ผู้ป่วยนอนในห้องที่สะอาดและอากาศถ่ายเท

4.1 ประโยชน์ของห้องที่สะอาดและอากาศถ่ายเท

4.2 แนวทางดูแลสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม

วิธีที่ 5: พูดคุย ให้กำลังใจ และสังเกตอารมณ์ความเครียด

5.1 ทำไมการดูแลจิตใจถึงสำคัญ?

5.2 วิธีดูแลด้านจิตใจผู้ป่วยติดเตียง

สรุป

การดูแลผู้ป่วยติดเตียงต้องทำด้วย ความรู้ + ความรัก + ความอดทน ครอบครัวควรมีแนวทางที่ถูกต้องเพื่อสุขภาพกายและใจที่ดีของผู้ป่วย หากครอบครัวรู้สึกว่าไม่สามารถดูแลได้ตลอดเวลา สามารถเลือก ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่มีทีมผู้เชี่ยวชาญ เช่น บ้านลลิสาสาขาเชียงใหม่ดูแลผู้สูงอายุ ที่พร้อมมอบการดูแลครบวงจร

ผู้สูงวัยก็สุขภาพดีได้ทุกวัน ด้วยกิจกรรมและกายภาพบำบัดที่เหมาะสม

เมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุ หลายคนอาจกังวลเกี่ยวกับสุขภาพร่างกายที่อ่อนแอลง แต่ความจริงแล้ว ผู้สูงอายุก็สามารถมีสุขภาพแข็งแรงและใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขทุกวัน เพียงแค่เลือกกิจกรรมที่เหมาะสม และได้รับการดูแลผ่าน การทำกายภาพบำบัด อย่างถูกวิธี

1. ทำไมการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุถึงสำคัญ?
เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ร่างกายและจิตใจของผู้สูงอายุมักมีการเปลี่ยนแปลง ทั้งด้านร่างกายที่เริ่มเสื่อมถอย ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง และมีโอกาสเกิดโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือโรคข้อเสื่อมมากขึ้น นอกจากนี้ ผู้สูงอายุจำนวนไม่น้อยยังเผชิญกับปัญหาด้านจิตใจ เช่น ความเหงา วิตกกังวล หรือภาวะซึมเศร้า ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตโดยรวม

ดังนั้น การดูแลสุขภาพผู้สูงอายุจึงสำคัญด้วยเหตุผลเหล่านี้

🔹เหตุผลสำคัญ

ช่วยให้ครอบครัวอุ่นใจ – เมื่อผู้สูงวัยได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม คนในครอบครัวก็สบายใจและมั่นใจได้ว่าผู้สูงอายุจะมีชีวิตที่ปลอดภัยและมีความสุข

ลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง – การออกกำลังกายและการทำกายภาพบำบัดช่วยให้หัวใจแข็งแรง ควบคุมน้ำหนัก และลดโอกาสการเกิดโรคที่มากับวัย

เพิ่มคุณภาพชีวิต – เมื่อสุขภาพแข็งแรง ผู้สูงอายุจะสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างอิสระ เช่น เดิน ทำกิจกรรม หรือเข้าสังคมได้ด้วยตนเอง

เสริมสร้างสุขภาพจิต – การทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่นช่วยลดความเหงา คลายความเครียด และทำให้ผู้สูงวัยรู้สึกว่าตนเองยังมีคุณค่า

ป้องกันการหกล้มและอุบัติเหตุ – การฝึกกายภาพบำบัดช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและการทรงตัว ลดโอกาสการล้ม ซึ่งเป็นสาเหตุใหญ่ของการบาดเจ็บในผู้สูงอายุ

2. กิจกรรมเพื่อสุขภาพที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุ

การมีกิจกรรมประจำวันเป็นสิ่งที่ช่วยให้ผู้สูงวัยมีความสุข และยังส่งผลดีต่อร่างกาย

🧘‍♀️ โยคะผู้สูงอายุ : ช่วยยืดเส้น บรรเทาอาการปวดข้อ
🚶‍♂️ เดินช้า ๆ วันละ 20-30 นาที : กระตุ้นการไหลเวียนเลือด
🎶 เต้นบำบัด / ดนตรีบำบัด : สนุกสนาน พร้อมออกกำลังกาย
🌱 ทำสวน ปลูกต้นไม้ : เสริมสมาธิและการเคลื่อนไหวเบา ๆ

3. กายภาพบำบัด ช่วยให้ผู้สูงอายุแข็งแรงขึ้น

หลายครั้งผู้สูงวัยมีอาการเจ็บปวดตามข้อหรือกล้ามเนื้อ กายภาพบำบัดจึงเป็นทางเลือกที่ดี

✅ บรรเทาอาการปวดหลัง ปวดเข่า ปวดไหล่
✅ ฟื้นฟูการเคลื่อนไหวสำหรับผู้ที่มีโรคข้อเสื่อม
✅ เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ลดโอกาสหกล้ม

4. เคล็ดลับดูแลสุขภาพผู้สูงวัยให้แข็งแรงทุกวัน

รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ เน้นผัก ผลไม้ และโปรตีนที่ย่อยง่าย ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ และเวลาการเข้านอนให้ตรงเวลา และพักผ่อนอย่างมีคุณภาพ พร้อมมีการตรวจสุขภาพประจำปีอย่างสม่ำเสมอ และต้องมีการร่วมกิจกรรมกับครอบครัว เพื่อให้หัวใจอบอุ่นและสดใสให้กับผู้สูงอายุมากขึ้น

📍้านลลิสา Nursing Home (สาขาเมืองเชียงใหม่)

สนใจสอบถามเพิ่มเติม
📞 053-855008 , 088-2591895
💬 Line : https://lin.ee/cJwaF2g
(@baanlalisacm)

🚩 แผนที่ : https://goo.gl/maps/6GXQPqhvgZ1aMWLS7

#บ้านลลิสา#บ้านลลิสาเชียงใหม่#NursingHomeเชียงใหม่ #ดูแลผู้สูงอายุ#ChiangMaiNursingHome#กิจกรรมผู้สูงอายุ#ดูแลผู้ป่วยครบวงจร#อบอุ่นหัวใจ#ใส่ใจผู้สูงวัย#ความสุขของผู้สูงอายุ#กิจกรรมบำบัดใจ#ดูแลผู้สูงอายุ#อบอุ่นเหมือนบ้าน#บ้านลลิสาเชียงใหม่ #บ้านลลิสาNursingHome#ดูแลด้วยใจ#กิจกรรมผู้สูงอายุ

พลิกชีวิตผู้ป่วย Stroke ด้วยการฟื้นฟู

ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง หรือ Stroke มักประสบกับภาวะอัมพฤกษ์ อัมพาต ซึ่งส่งผลต่อการเคลื่อนไหว กล้ามเนื้อ สมดุลร่างกาย และคุณภาพชีวิตโดยรวม การฟื้นฟูสมรรถภาพที่ถูกต้องและเหมาะสมจึงเป็นกุญแจสำคัญในการฟื้นฟูชีวิตของผู้ป่วยให้กลับมามีความสุข และสามารถช่วยเหลือตัวเองได้มากที่สุด ในบทความนี้เราจะพาทุกท่านไปรู้จักกับแนวทางการฟื้นฟูผู้ป่วย Stroke โดยเฉพาะที่ “บ้านลลิสา ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุเชียงใหม่” ที่เน้นการฟื้นฟูอย่างเข้าใจ เข้าถึง และเห็นผลจริง

1. เข้าใจโรค Stroke ก่อนเริ่มฟื้นฟู

1.1 Stroke คืออะไร?

Stroke หรือ โรคหลอดเลือดสมอง เป็นภาวะที่สมองขาดเลือดไปเลี้ยง เนื่องจากเส้นเลือดตีบ อุดตัน หรือแตก ส่งผลให้สมองบางส่วนขาดออกซิเจน และตายไปในเวลาอันสั้น ผู้ป่วยจึงมีอาการแขนขาอ่อนแรง ปากเบี้ยว พูดไม่ชัด หรือหมดสติในบางราย

1.2 ประเภทของ Stroke

  • เส้นเลือดสมองตีบ (Ischemic Stroke)
  • เส้นเลือดสมองแตก (Hemorrhagic Stroke)
  • เส้นเลือดสมองอุดตันจากลิ่มเลือด (Transient Ischemic Attack)

1.3 อาการที่พบบ่อย

  • แขนหรือขาอ่อนแรงด้านใดด้านหนึ่ง
  • พูดไม่ชัด สับสน หรือเข้าใจยาก
  • มองเห็นไม่ชัด หรือเห็นภาพซ้อน
  • ปวดศีรษะรุนแรงแบบเฉียบพลัน

2. การฟื้นฟูผู้ป่วย Stroke สำคัญอย่างไร?

2.1 ช่วงเวลาทองของการฟื้นฟู

3-6 เดือนแรกหลังเกิด Stroke คือช่วงเวลาทองในการฟื้นฟูสมรรถภาพ หากได้รับการฟื้นฟูอย่างต่อเนื่องและถูกต้อง จะช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นคืนความสามารถในการเคลื่อนไหว และใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงปกติมากที่สุด

2.2 เป้าหมายของการฟื้นฟู

  • เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
  • กระตุ้นระบบประสาท
  • ฝึกการทรงตัวและการเคลื่อนไหว
  • ฟื้นฟูการพูดและการสื่อสาร
  • ลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน

3. ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุเชียงใหม่กับการฟื้นฟูผู้ป่วย Stroke

3.1 ความเชี่ยวชาญด้านการฟื้นฟู

ที่ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุบ้านลลิสา เรามีทีมกายภาพบำบัด นักกิจกรรมบำบัด และผู้ดูแลผู้สูงอายุที่ได้รับการอบรมเฉพาะทาง พร้อมดูแลฟื้นฟูผู้ป่วย Stroke อย่างใกล้ชิดตามแผนรายบุคคล

3.2 การใช้เครื่องมือฟื้นฟูเฉพาะทาง

  • เครื่องปั่นจักรยานมือ-เท้า
  • อุปกรณ์พยุงเดิน
  • เครื่องกระตุ้นไฟฟ้ากล้ามเนื้อ
  • ลูกบอล ฝึกมือ และเครื่องมือเสริมอื่น ๆ

3.3 กิจกรรมการฟื้นฟูในชีวิตประจำวัน

  • การฝึกเดิน ฝึกทรงตัว
  • การฝึกใช้มือ หยิบจับสิ่งของ
  • การฝึกกล้ามเนื้อโดยรวม
  • การฝึกสื่อสารและความเข้าใจคำสั่ง

3.4 บรรยากาศที่ส่งเสริมการฟื้นฟู

สถานที่ปลอดโปร่ง มีความเป็นส่วนตัวสูง เน้นความปลอดภัย ความสะดวก และอารมณ์ร่วมของผู้สูงอายุ พร้อมทั้งมีครอบครัวเข้ามามีส่วนร่วมในการฟื้นฟูได้ด้วย

3.5 โปรโมชั่นฟื้นฟูผู้ป่วย Stroke

จากราคาปกติ 25,000 บาท/เดือน พิเศษเพียง 18,000 บาท/เดือน

3.6 สิ่งที่ผู้ป่วยจะได้รับ:

  • การดูแลตลอด 24 ชม. โดยทีมพยาบาลและผู้ช่วย
  • การฟื้นฟูตามแผนรายบุคคล
  • กายภาพบำบัดอย่างสม่ำเสมอ
  • อาหารสุขภาพ 3 มื้อ พร้อมของว่าง
  • การฝึกกิจกรรมในชีวิตประจำวัน
  • ห้องพักปลอดภัย สะอาด พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก

4. ฟื้นฟู Stroke อย่างไรให้ได้ผล

4.1 ต้องอาศัยเวลาและความสม่ำเสมอ

  • ต้องให้เวลาผู้ป่วยปรับตัว
  • ฝึกเป็นประจำ ไม่หยุดพักนาน
  • ต้องได้รับกำลังใจและแรงสนับสนุนจากคนรอบข้าง

4.2 การติดตามผลอย่างต่อเนื่อง

  • บันทึกความก้าวหน้า
  • ประเมินสมรรถภาพทุกเดือน
  • ปรับแผนการฟื้นฟูตามความเหมาะสม

5. ทำไมต้องฟื้นฟูผู้ป่วย Stroke ที่ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุเชียงใหม่

5.1 จุดเด่นของศูนย์บ้านลลิสา

  • ประสบการณ์ดูแลผู้สูงอายุมากกว่า 10 ปี
  • มีทีมงานเฉพาะทางครบครัน
  • สถานที่ปลอดภัย ใกล้ชิดธรรมชาติ
  • บริการเป็นกันเอง เหมือนดูแลญาติของเราเอง

5.2 รีวิวจากครอบครัวผู้ป่วยจริง

“คุณพ่อป่วย Stroke มาเกือบปี เดินไม่ได้เลย แต่หลังเข้าฟื้นฟูที่นี่ 3 เดือน เริ่มลุกได้เอง ช่วยเหลือตัวเองได้บางส่วน ครอบครัวดีใจมาก ขอบคุณทีมงานจริง ๆ ค่ะ”

การฟื้นฟูผู้ป่วย Stroke ต้องอาศัยความรู้ ความเข้าใจ และความเอาใจใส่ หากทำอย่างถูกวิธี จะสามารถพาผู้ป่วยกลับคืนสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้จริง “บ้านลลิสา ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุเชียงใหม่” พร้อมเป็นส่วนหนึ่งของการพลิกชีวิตให้กับผู้ป่วย Stroke ทุกท่าน ด้วยทีมมืออาชีพ และแผนฟื้นฟูที่เห็นผลจริง

ฤดูฝนอากาศเปลี่ยนบ่อย ต้องดูแลผู้สูงอายุอย่างใกล้ชิด

ฤดูฝน เป็นช่วงเวลาที่อากาศมีความชื้นสูงและอุณหภูมิเปลี่ยนแปลงบ่อย
ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ ผู้สูงอายุ ซึ่งมักจะมีภูมิคุ้มกันต่ำและร่างกายอ่อนแอกว่าคนวัยหนุ่มสาว เสี่ยงต่อการเจ็บป่วยง่ายขึ้นไม่ว่าจะเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ ปอดบวม โรคที่มากับยุง เช่น ไข้เลือดออก โรคผิวหนังจากความอับชื้น รวมไปถึงอุบัติเหตุในบ้านที่เกิดจากการลื่นล้ม

บทความนี้ จะพาทุกคนไปรู้จัก เคล็ดลับการดูแลผู้สูงอายุในฤดูฝน
พร้อมคำแนะนำจาก #บ้านลลิสา ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียง (เนิร์สซิ่งโฮมเชียงใหม่)
ที่มีบุคลากรผู้เชี่ยวชาญพร้อมดูแลอย่างอบอุ่นและปลอดภัย

ทำไมผู้สูงอายุจึงต้องการการดูแลเป็นพิเศษในฤดูฝน?

1. ภูมิคุ้มกันต่ำ
ตามธรรมชาติของร่างกาย เมื่ออายุมากขึ้น ระบบภูมิคุ้มกันจะทำงานได้ลดลง
ทำให้ ผู้สูงอายุ ติดเชื้อได้ง่าย และหายช้ากว่าคนทั่วไป

2. โรคประจำตัว
ผู้สูงวัยส่วนใหญ่มักมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ
หากเจ็บป่วยจากไข้หวัดใหญ่หรือโรคติดเชื้ออื่น ๆ จะยิ่งซับซ้อนและอันตรายขึ้น

3. อุบัติเหตุในบ้าน
ในช่วงหน้าฝน พื้นบ้านมักเปียกและลื่นง่าย
ผู้สูงอายุที่มีกล้ามเนื้ออ่อนแรง การทรงตัวไม่ดี อาจลื่นล้มได้ง่าย
ซึ่งอาจถึงขั้น กระดูกหัก หรือ บาดเจ็บรุนแรง

เคล็ดลับดูแลผู้สูงอายุในหน้าฝน

1) ดูแลร่างกายให้อบอุ่น

  • สวมเสื้อผ้าแห้งและอบอุ่น โดยเฉพาะตอนกลางคืนและช่วงเช้า
  • หลังจากเปียกฝน ควรเช็ดตัวให้แห้งทันที และเปลี่ยนเสื้อผ้า
  • ใส่หมวกหรือใช้ร่มเมื่อต้องออกนอกบ้าน

ป้องกันโรค : ปอดบวม ไข้หวัดใหญ่ โรคระบบทางเดินหายใจ

2) ป้องกันการลื่นล้ม

  • จัดสถานที่ให้โล่งและสะดวกต่อการเดิน
  • ปูพรมกันลื่นหรือแผ่นยางกันลื่นในห้องน้ำและทางเดิน
  • เช็ดพื้นให้แห้งเสมอ โดยเฉพาะบริเวณที่มักมีน้ำขัง

#ผู้ป่วยติดเตียง อาจต้องติดตั้งราวจับเพิ่ม เพื่อช่วยพยุงตัว

3) หลีกเลี่ยงการตากฝนและลุยน้ำ

  • ไม่ควรออกไปนอกบ้านขณะฝนตกหนัก
  • หากจำเป็นต้องออก ให้ใส่รองเท้าที่กันลื่นและกันน้ำได้
  • เช็ดตัวทันทีหลังเข้าบ้าน

ป้องกัน โรคที่มากับน้ำสกปรก เช่น โรคฉี่หนู โรคผิวหนัง

4) ระวังยุงและแมลง

  • ทำความสะอาดบ้านและรอบบ้าน ไม่ให้มีน้ำขัง
  • ใส่มุ้งหรือใช้สเปรย์/โลชั่นกันยุง
  • ปิดฝาภาชนะใส่น้ำ และเปลี่ยนน้ำในแจกันเป็นประจำ

ลดความเสี่ยง ไข้เลือดออก ซึ่งเป็นโรคที่ระบาดบ่อยในหน้าฝน

5) ป้องกันอาการคันและโรคผิวหนัง

  • รักษาความสะอาดร่างกาย อาบน้ำ เช็ดตัวให้แห้ง
  • หากผิวแห้ง ควรทาครีมบำรุง
  • หากมีอาการคัน ห้ามเกา เพราะอาจทำให้ติดเชื้อ

ป้องกัน โรคผิวหนัง จากความอับชื้น

6) ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ

  • ช่วยให้ร่างกายไม่ขาดน้ำ
  • ทำให้ระบบทางเดินหายใจและระบบไหลเวียนโลหิตทำงานได้ดีขึ้น

ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันและความสดชื่น

บ้านลลิสา: ดูแลผู้สูงอายุด้วยความรักและมาตรฐานระดับสูง

สำหรับครอบครัวที่กังวลเรื่องเวลา หรือมีความกังวลใจในการดูแลผู้สูงอายุ
บ้านลลิสา เนิร์สซิ่งโฮมเชียงใหม่ พร้อมเป็นผู้ช่วยของคุณ

  • บุคลากรมืออาชีพ มากประสบการณ์
  • สิ่งแวดล้อมเหมาะสม ปลอดภัย สะอาด
  • มีเครื่องมือและอุปกรณ์ครบครัน
  • ดูแลได้ทั้งผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง และผู้ที่ต้องการพักฟื้น

✨ ให้คนที่คุณรักได้พักผ่อนอย่างมีความสุข
? ติดต่อล่วงหน้าเพื่อสอบถามรายละเอียด

  • โทร. 053-855008 , 088-2591895
  • Line : @baanlalisacm (มี @)

6 โรคหน้าฝน ที่ผู้สูงอายุ ต้องระวังเป็นพิเศษ

ช่วงฤดูฝนเป็นช่วงเวลาที่มีความชื้นสูง อากาศเย็น และมีโอกาสแพร่กระจายของเชื้อโรคได้ง่าย ทำให้ผู้สูงอายุซึ่งมีภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอกว่าเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยมากกว่าคนทั่วไป ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุจึงให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับการเฝ้าระวังโรคที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ 6 โรคที่ผู้สูงอายุต้องระวังเป็นพิเศษ พร้อมแนวทางการป้องกันเพื่อสุขภาพที่แข็งแรงในทุกวันของฤดูฝน

1. โรคจากไวรัส – ภัยเงียบในฤดูฝน

1.1 สาเหตุและการติดต่อ

ไวรัสที่พบบ่อยในฤดูฝน เช่น ไวรัสไข้หวัดใหญ่ และไวรัส RSV สามารถแพร่กระจายผ่านละอองฝอยจากการไอหรือจาม รวมถึงการสัมผัสวัตถุปนเปื้อน

1.2 อาการที่ควรสังเกต

  • ไข้สูง หนาวสั่น
  • ไอ จาม น้ำมูกไหล
  • เหนื่อยง่าย หายใจหอบ (โดยเฉพาะในผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว)

1.3 วิธีป้องกัน

  • ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกปี
  • หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด และสวมหน้ากากอนามัย
  • ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์

2. โรคคอติดเชื้อ – อาการที่ดูเหมือนไข้ธรรมดาแต่รุนแรง
2.1 ทำไมผู้สูงอายุต้องระวัง?

โรคคอติดเชื้อหรือคออักเสบจากเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัส มักเกิดในช่วงที่อากาศชื้น โดยเฉพาะในผู้สูงอายุที่มีภูมิต้านทานลดลง

2.2 อาการหลัก

  • เจ็บคอ กลืนลำบาก
  • ไข้ ปวดเมื่อย
  • ต่อมน้ำเหลืองบวมใต้คาง

2.3 แนวทางป้องกัน

  • หมั่นดื่มน้ำอุ่น และพักผ่อนให้เพียงพอ
  • หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มเย็นจัด
  • รักษาความสะอาดของช่องปาก

3. โรคท้องเสีย – จากอาหารปนเปื้อนน้ำฝน

3.1 ต้นเหตุที่พบได้ในหน้าฝน

ในช่วงฝนตกบ่อย มักเกิดน้ำขัง ทำให้อาหารหรือแหล่งน้ำปนเปื้อนเชื้อโรค เช่น เชื้ออีโคไล หรือซาลโมเนลลา

3.2 อาการทั่วไป

  • ปวดท้อง ท้องเสีย อาเจียน
  • อ่อนเพลีย และเสี่ยงภาวะขาดน้ำ

3.3 วิธีดูแลและป้องกัน

  • รับประทานอาหารปรุงสุกใหม่ และหลีกเลี่ยงอาหารแช่เย็นนานเกินไป
  • ดื่มน้ำสะอาด หรือน้ำต้มสุก
  • สังเกตอาการผิดปกติ เช่น ถ่ายเหลวมากกว่า 3 ครั้งต่อวัน

4. โรคผิวหนังอักเสบ – เพราะความอับชื้น

4.1 ความชื้นทำให้ผิวติดเชื้อ

ฤดูฝนทำให้ผิวหนังของผู้สูงอายุเกิดการอับชื้น โดยเฉพาะบริเวณข้อพับ หรือจุดสัมผัสที่มีเหงื่อออกบ่อย

4.2 อาการที่พบได้บ่อย

  • คัน ผื่นแดง บวม หรือมีตุ่มน้ำใส
  • ผิวหนังเปื่อยหรือแตกเป็นแผล

4.3 การดูแลผิวให้ปลอดภัย

  • เช็ดตัวให้แห้งทันทีหลังเปียกฝน
  • สวมเสื้อผ้าที่โปร่ง ระบายอากาศดี
  • ใช้ครีมบำรุงหรือยาทาภายใต้คำแนะนำของแพทย์

5. โรคฉี่หนู – อันตรายจากแหล่งน้ำสกปรก

5.1 สาเหตุจากน้ำขังและสัตว์พาหะ

โรคฉี่หนูมาจากเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในปัสสาวะของสัตว์ โดยเฉพาะหนู เมื่อสัมผัสแหล่งน้ำที่ปนเปื้อนก็มีโอกาสติดเชื้อ

5.2 อาการในผู้สูงอายุ

  • ไข้สูงเฉียบพลัน ปวดหัว
  • ปวดกล้ามเนื้ออย่างรุนแรง
  • ตาแดง หรือมีภาวะไตผิดปกติ

5.3 การป้องกันที่สำคัญ

  • หลีกเลี่ยงการเดินในน้ำขัง
  • สวมรองเท้าบู๊ตเมื่อต้องเดินลุยน้ำ
  • ทำความสะอาดแผลอย่างถูกวิธีหากสัมผัสน้ำสกปรก

6. ไข้เลือดออก – ระวังยุงลายในฤดูฝน

6.1 ศัตรูตัวร้ายของผู้สูงอายุ

ยุงลายเป็นพาหะนำโรคไข้เลือดออก ซึ่งมักวางไข่ในน้ำขังที่พบได้ทั่วไปในหน้าฝน

6.2 สัญญาณเตือน

  • ไข้สูงลอยไม่ลด ปวดหัวมาก
  • ปวดกระบอกตา ปวดกล้ามเนื้อ
  • มีจุดเลือดออกใต้ผิวหนัง

6.3 ป้องกันยุงลายอย่างไร?

  • กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุง เช่น จานรองกระถาง ตุ่มน้ำ
  • ทายากันยุง หรือติดมุ้งลวด
  • หากพบอาการผิดปกติรีบพบแพทย์ทันที

ฤดูฝนเป็นช่วงที่ผู้สูงอายุเสี่ยงต่อการติดโรคต่าง ๆ มากกว่าปกติ ทั้งจากสภาพอากาศ แหล่งน้ำ และการติดเชื้อในระบบต่าง ๆ ของร่างกาย การดูแลผู้สูงอายุอย่างใกล้ชิดในช่วงนี้จึงมีความสำคัญมาก โดยเฉพาะการดูแลจากศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่มีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรและสภาพแวดล้อม ช่วยให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพดีและคุณภาพชีวิตที่ดีในทุกฤดู

การดูแล สำหรับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง

ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุบ้านลลิสา มอบความอุ่นใจในทุกขั้นตอนของการดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง พร้อมทีมแพทย์ พยาบาล นักกายภาพ และกิจกรรมบำบัดอย่างครบวงจร

Heat Stroke ภัยร้ายหน้าร้อน ป้องกัน และรับมืออย่างไรให้ปลอดภัย?

ฮีทสโตรก (Heat Stroke) คืออะไร?

1. อาการของฮีทสโตรกที่ควรเฝ้าระวัง

1.1 ผิวหนังแห้ง แดง ร้อน และไม่มีเหงื่อ แม้จะอยู่ในอากาศร้อนจัด แต่ผู้ที่เป็นฮีทสโตรกจะไม่มีเหงื่อออก เนื่องจากระบบขับเหงื่อไม่ทำงานตามปกติ

1.2 หายใจเร็ว ใจเต้นแรง เวียนศีรษะ สับสน สัญญาณเหล่านี้แสดงว่าร่างกายกำลังประสบภาวะเครียดอย่างรุนแรง และจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือด่วน


2. กลุ่มเสี่ยงที่ต้องระวังเป็นพิเศษ

2.1 ผู้สูงอายุและผู้ป่วยเรื้อรัง ผู้สูงอายุมีระบบการควบคุมอุณหภูมิร่างกายที่อ่อนแอลง รวมถึงอาจมีโรคประจำตัวที่ส่งผลให้เกิดฮีทสโตรกได้ง่ายขึ้น

2.2 เด็กเล็ก เด็กยังไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิร่างกายได้ดี ทำให้เสี่ยงเกิดฮีทสโตรกได้ง่าย โดยเฉพาะหากอยู่ในรถที่ปิดทึบ

2.3 ผู้ที่ทำงานหรือออกกำลังกายกลางแดด การใช้แรงมากในสภาพอากาศร้อนจัด จะเพิ่มอุณหภูมิภายในร่างกายอย่างรวดเร็ว


3. วิธีป้องกันฮีทสโตรกเบื้องต้นที่ทำได้ง่าย


4. การทำงานของบุคลากรบ้านลลิสา Nursing Home เพื่อป้องกันฮีทสโตรก

4.1 การประเมินสุขภาพรายวัน พยาบาลจะตรวจวัดอุณหภูมิ ความดัน และสัญญาณชีพของผู้สูงอายุทุกวัน หากพบความผิดปกติจะรายงานแพทย์ทันที

4.2 การวางแผนกิจกรรมให้เหมาะสม นักกิจกรรมบำบัดจะวางแผนกิจกรรมที่เหมาะกับสภาพอากาศ เช่น เลี่ยงกิจกรรมช่วงแดดจ้า และจัดกิจกรรมในห้องแอร์หรือร่มเงา

4.3 ระบบแจ้งเตือนกรณีฉุกเฉิน ภายในศูนย์มีระบบแจ้งเตือนฉุกเฉินในแต่ละห้อง หากผู้สูงอายุรู้สึกไม่สบายหรือเป็นลม สามารถกดปุ่มเรียกเจ้าหน้าที่ได้ทันที

4.4 การดูแลโภชนาการโดยนักกำหนดอาหาร มีการจัดเมนูอาหารพิเศษที่ช่วยปรับสมดุลร่างกาย เช่น เครื่องดื่มเกลือแร่ น้ำผลไม้สด และอาหารย่อยง่าย ลดโซเดียม

4.5 การอบรมเจ้าหน้าที่ประจำฤดูร้อน เจ้าหน้าที่ทุกคนได้รับการอบรมด้านการดูแลผู้สูงอายุในช่วงอากาศร้อน เพื่อให้สามารถระบุอาการและรับมือได้ทัน


ข้อควรระวังเพิ่มเติมในฤดูร้อน


บ้านลลิสา Nursing Home – ความห่วงใยที่จับต้องได้ ความพร้อมในการดูแลผู้สูงอายุในทุกฤดูกาล

เราคือศูนย์ดูแลผู้สูงอายุในจังหวัดเชียงใหม่ที่ให้บริการด้วยมาตรฐานระดับมืออาชีพ เน้นความปลอดภัย ความสะอาด และบรรยากาศอบอุ่นเหมือนบ้าน


ติดต่อเรา

บ้านลลิสา Nursing Home – พื้นที่แห่งความห่วงใยที่คุณวางใจได้

ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่คุณวางใจได้ บ้านลลิสา Nursing Home

เมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุ ร่างกายและจิตใจต้องการการดูแลอย่างละเอียดและอบอุ่น “บ้านลลิสา Nursing Home” จึงถือกำเนิดขึ้นเพื่อเป็นคำตอบสำหรับครอบครัวที่มองหาศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่มีมาตรฐาน ปลอดภัย และพร้อมดูแลเหมือนคนในครอบครัว


1. ทำไมต้องเลือกบ้านลลิสา Nursing Home?

1.1 ดูแลโดยทีมบุคลากรทางการแพทย์และนักบริบาลมืออาชีพ

เราเข้าใจถึงความต้องการเฉพาะของผู้สูงอายุและผู้ป่วยระยะพักฟื้น บ้านลลิสาจึงจัดให้มีทีมพยาบาล นักกายภาพ และผู้ดูแลที่มีประสบการณ์สูง พร้อมให้บริการอย่างอบอุ่นและปลอดภัย

1.2 ดูแลตลอด 24 ชั่วโมงอย่างใกล้ชิด

ที่บ้านลลิสา เราเน้นการดูแลรายบุคคล ด้วยการสังเกตอาการอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนและตอบสนองต่อความต้องการทันที

1.3 กิจกรรมกายภาพบำบัดส่งเสริมสุขภาพ

ผู้สูงอายุที่เข้าพักจะได้รับกิจกรรมกายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่อง โดยนักกายภาพมืออาชีพ ช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกาย เพิ่มความคล่องตัว ลดอาการเจ็บปวด และป้องกันโรคเรื้อรัง

1.4 โภชนาการครบถ้วน ถูกสุขลักษณะ

อาหารที่บ้านลลิสาเน้นโภชนาการครบ 5 หมู่ ปรุงใหม่ สะอาด พร้อมเมนูเฉพาะผู้ป่วยและผู้สูงอายุโดยนักโภชนาการ เพื่อสุขภาพที่แข็งแรงในทุกมื้อ

1.5 ห้องพักมาตรฐาน ปลอดโปร่ง น่าอยู่

ห้องพักที่บ้านลลิสาได้รับการออกแบบให้มีอากาศถ่ายเทดี มีแสงธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมเงียบสงบ เป็นส่วนตัว พร้อมเตียงพิเศษและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน


2. บริการที่ครบวงจร เหนือความคาดหมาย

2.1 บริการดูแลผู้ป่วยระยะพักฟื้น

หลังการผ่าตัดหรือการรักษาโรครุนแรง ผู้ป่วยต้องการการฟื้นตัวอย่างใกล้ชิด บ้านลลิสาให้บริการดูแลการพักฟื้นอย่างครบวงจร ด้วยแผนการดูแลเฉพาะบุคคล

2.2 ส่งเสริมสุขภาพจิตและกิจกรรมทางสังคม

นอกจากการดูแลร่างกายแล้ว เราให้ความสำคัญกับสุขภาพจิต กิจกรรมนันทนาการ เช่น ดนตรี ศิลปะ การพูดคุยกลุ่ม สร้างกำลังใจและลดภาวะซึมเศร้าในผู้สูงอายุ

2.3 การสื่อสารและอัปเดตข้อมูลกับครอบครัว

เราเชื่อในการเปิดเผยและโปร่งใส ครอบครัวสามารถติดตามอาการและกิจกรรมของผู้สูงอายุได้อย่างสม่ำเสมอ พร้อมรับคำปรึกษาและรายงานสุขภาพประจำสัปดาห์


3. สภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรและปลอดภัย

3.1 ความปลอดภัยคือสิ่งสำคัญที่สุด

บ้านลลิสาออกแบบระบบความปลอดภัยโดยเฉพาะสำหรับผู้สูงอายุ มีระบบป้องกันอุบัติเหตุ กล้องวงจรปิด และเจ้าหน้าที่เวรยามตลอด 24 ชม.

3.2 การออกแบบที่เน้นความสะดวกสำหรับผู้สูงอายุ

ทุกพื้นที่ของบ้านลลิสาออกแบบตามหลัก Universal Design เช่น ทางลาด ห้องน้ำกันลื่น ราวจับเดิน ทุกจุดช่วยให้ผู้สูงอายุเคลื่อนไหวได้อย่างปลอดภัย


4. เสียงจากครอบครัวและผู้เข้าพักจริง

“คุณแม่ของฉันมีความสุขมากหลังมาอยู่บ้านลลิสา พนักงานใจดีและดูแลเหมือนเป็นครอบครัวจริงๆ” – คุณศิริพร

“หลังผ่าตัดหัวเข่า ผมเลือกมาพักฟื้นที่นี่ เพราะมีนักกายภาพมืออาชีพ ฟื้นตัวเร็วเกินคาด” – คุณสมชาย


สรุป: บ้านลลิสา Nursing Home คือคำตอบของการดูแลผู้สูงอายุอย่างแท้จริง

บ้านลลิสาคือศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยระยะพักฟื้นที่พร้อมให้บริการอย่างครบถ้วนโดยทีมแพทย์ พยาบาล และผู้ดูแลมืออาชีพในบรรยากาศอบอุ่น ปลอดภัย และใส่ใจทุกความต้องการของผู้สูงอายุ เพื่อให้ทุกวันของท่านเต็มไปด้วยรอยยิ้มและคุณภาพชีวิตที่ดี

ดูแลฟื้นฟูผู้ป่วย Stroke ด้วยกายภาพบำบัด

การฟื้นฟูผู้ป่วย Stroke ต้องการความเข้าใจ และการดูแลแบบองค์รวม การทำกายภาพบำบัดอย่างถูกวิธีและต่อเนื่องเป็นหัวใจสำคัญในการช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น “บ้านลลิสา” พร้อมดูแลฟื้นฟูผู้ป่วยอย่างมืออาชีพ เพื่อเป้าหมายในการฟื้นคืนศักยภาพการดำเนินชีวิตอย่างมั่นคง และปลอดภัย

ความสำคัญของการฟื้นฟูผู้ป่วย Stroke

ผู้ป่วย Stroke หรือโรคหลอดเลือดสมอง เป็นกลุ่มผู้ป่วยที่ต้องการการดูแลฟื้นฟูอย่างใกล้ชิด เนื่องจากภายหลังการเกิดโรค ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักประสบภาวะอ่อนแรงของร่างกายครึ่งซีก สูญเสียการควบคุมแขนขา ซึ่งส่งผลให้การทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น การเดิน การลุกนั่ง หรือการหยิบจับสิ่งของ กลายเป็นเรื่องยากลำบาก อีกทั้งยังอาจมีภาวะทางอารมณ์แปรปรวนร่วมด้วย เช่น ซึมเศร้า หรือวิตกกังวล

กายภาพบำบัด…ทางเลือกที่สำคัญในการฟื้นฟู

การทำกายภาพบำบัดจึงเป็นวิธีสำคัญที่จะช่วยฟื้นฟูการทำงานของร่างกายให้กลับมาใกล้เคียงเดิมมากที่สุด ทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ เช่น ข้อติด กล้ามเนื้อฝ่อลีบ หรือแผลกดทับ อีกทั้งยังช่วยให้ผู้ป่วยมีโอกาสกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพและเป็นอิสระมากขึ้น

บริการดูแลฟื้นฟูที่ “บ้านลลิสา”

ที่ “บ้านลลิสา” เราให้บริการดูแลและฟื้นฟูผู้ป่วย Stroke อย่างครบวงจร ด้วยทีมบุคลากรผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ด้านการกายภาพบำบัดโดยตรง ดูแลด้วยความใส่ใจ ใกล้ชิด และถูกต้องตามหลักวิชาการ

จุดเด่นของการฟื้นฟูที่บ้านลลิสา

  • ✨ การดูแลแบบเฉพาะบุคคล: ออกแบบโปรแกรมกายภาพบำบัดที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย เพื่อการฟื้นฟูที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
  • ✨ ทีมงานมืออาชีพ: นักกายภาพบำบัดที่มีใบประกอบวิชาชีพและประสบการณ์สูง พร้อมพยาบาลดูแลตลอด 24 ชั่วโมง
  • ✨ สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการฟื้นฟู: บ้านพักสะอาด ปลอดภัย อุปกรณ์ครบครัน รองรับผู้ป่วยอย่างเหมาะสม
  • ✨ การติดตามผลอย่างต่อเนื่อง: มีการประเมินและติดตามผลการฟื้นฟูอย่างสม่ำเสมอ เพื่อปรับแผนให้เหมาะสมตามพัฒนาการของผู้ป่วย
  • ✨ การดูแลด้านจิตใจและอารมณ์: มีกิจกรรมเสริมช่วยลดความเครียด และส่งเสริมกำลังใจในการฟื้นฟู
  • ✨ ความพร้อมด้านอาหารและโภชนาการ: บริการอาหารที่เหมาะสมต่อสุขภาพ และสอดคล้องกับภาวะของผู้ป่วยแต่ละราย เพื่อช่วยเสริมสร้างพลังงานในการฟื้นฟูร่างกาย
  • ✨ บริการแบบครบวงจรในที่เดียว: ครอบคลุมทั้งการฟื้นฟูทางร่างกายและจิตใจ รวมถึงการดูแลรายวันโดยทีมสหวิชาชีพ เพื่อความสะดวกสบายและมั่นใจของผู้ป่วยและครอบครัว

สิ่งที่จะได้รับจากการฟื้นฟูที่บ้านลลิสา

  • ✅ ฟื้นฟูการทำงานของกล้ามเนื้อและข้อต่อที่อ่อนแรง: ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถขยับร่างกายได้ดีขึ้น ลดอาการเกร็งและข้อติด เพิ่มความคล่องตัวในการทำกิจกรรมต่างๆ
  • ✅ ฟื้นฟูสมดุลของร่างกาย เช่น ฝึกการทรงตัว: ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถยืน เดิน หรือเปลี่ยนอิริยาบถได้อย่างมั่นคง ลดความเสี่ยงในการหกล้ม และเพิ่มความมั่นใจในการเคลื่อนไหว
  • ✅ เพิ่มขีดความสามารถในการเคลื่อนไหว เช่น การลุกนั่ง เดิน: เสริมสร้างความสามารถพื้นฐานในการดำเนินชีวิตประจำวันอย่างเป็นอิสระมากขึ้น และลดการพึ่งพาผู้อื่น
  • ✅ เพิ่มความแข็งแรง ความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ: ลดความเสี่ยงของกล้ามเนื้อฝ่อลีบ เพิ่มความทนทานและคล่องตัวต่อกิจกรรมต่างๆ ทำให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วขึ้น
  • ✅ ฝึกการใช้อุปกรณ์ช่วยเหลือต่างๆ เช่น ไม้เท้า ไม้พยุง ให้ใช้อย่างปลอดภัย: เสริมความมั่นใจและความปลอดภัยในการเคลื่อนไหว ลดอุบัติเหตุจากการใช้ผิดวิธี พร้อมแนะนำวิธีดูแลอุปกรณ์อย่างเหมาะสม
  • ✅ การดูแลอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ: ฟื้นฟูภายใต้การดูแลของทีมผู้เชี่ยวชาญที่ติดตามผลและปรับแผนอย่างเหมาะสมต่อเนื่อง
  • ✅ บริการดูแลเสริมด้านสุขภาพจิตและอารมณ์: ลดความเครียด เสริมสร้างกำลังใจ เพิ่มแรงจูงใจในการฟื้นฟู
  • ✅ บริการครบจบในที่เดียว: ทั้งการฟื้นฟู การดูแลรายวัน และบริการเสริมอื่นๆ ครบวงจรในสถานที่เดียวกัน สะดวกและปลอดภัย

สนใจติดต่อ/สอบถามรายละเอียด :

• โทร. 053-855008 , 088-2591895

• Line : @baanlalisacm (มี @)

? เเผนที่ : https://goo.gl/maps/6GXQPqhvgZ1aMWLS7

#ผู้ป่วยติดเตียง#เนิร์สซิ่งโฮมเชียงใหม่#NursingHome#NursingHomeเชียงใหม่#ChiangMaiNursingHome

#ดูเเลผู้ป่วยครบวงจร#บ้านลลิสาจังหวัดเชียงใหม่

#ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุเเละผู้ป่วยระยะพักฟื้น#ดูแลผู้ป่วยStroke

ลดอุบัติเหตุสำหรับผู้สูงวัย เพิ่มความปลอดภัยในบ้าน

ผู้สูงอายุเป็นวัยที่ต้องการความปลอดภัยและความสะดวกสบายภายในบ้าน การปรับปรุงสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมจะช่วยลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น การหกล้ม การสะดุด หรืออุบัติเหตุจากไฟฟ้า บทความนี้จะนำเสนอ 8 วิธีในการเพิ่มความปลอดภัยภายในบ้านสำหรับผู้สูงอายุ เพื่อช่วยให้พวกเขาใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัยและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

1. พื้นบ้านปลอดภัย

  • ใช้พื้นกันลื่น หลีกเลี่ยงพื้นผิวที่อาจลื่นง่าย เช่น กระเบื้องมันเงาหรือพรมขนยาว
  • หากมีพรม ควรใช้เทปกันลื่นติดใต้พรมเพื่อลดโอกาสสะดุดล้ม
  • ควรปรับปรุงพื้นบ้านให้เรียบเสมอกัน ลดการใช้ธรณีประตูที่อาจทำให้สะดุด

2. แสงสว่างเพียงพอ

  • ติดตั้งไฟให้สว่างทั่วบ้าน โดยเฉพาะบริเวณบันได ห้องน้ำ และทางเดิน
  • ใช้ไฟกลางคืนหรือไฟเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวในพื้นที่สำคัญ เช่น ทางเดินไปห้องน้ำ
  • หลีกเลี่ยงการใช้แสงไฟที่สลัวเกินไปซึ่งอาจทำให้การมองเห็นไม่ชัดเจน

3. ติดตั้งราวจับในห้องน้ำ

  • ห้องน้ำเป็นจุดที่เสี่ยงต่อการลื่นล้ม ควรติดตั้งราวจับบริเวณโถสุขภัณฑ์และบริเวณอาบน้ำ
  • ใช้พื้นห้องน้ำที่มีคุณสมบัติกันลื่น และควรมีพรมกันลื่นที่สามารถระบายน้ำได้ดี
  • หากเป็นไปได้ ควรใช้เก้าอี้นั่งอาบน้ำเพื่อลดความเสี่ยงในการลื่นล้ม

4. ปรับเฟอร์นิเจอร์ให้เหมาะสม

  • ใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มั่นคง ไม่ลื่นไถล และควรมีขอบโค้งมนเพื่อลดความเสี่ยงจากการกระแทก
  • ควรมีเก้าอี้นั่งที่มีพนักพิงสูงและที่วางแขน เพื่อให้ลุกนั่งสะดวกขึ้น
  • หลีกเลี่ยงการใช้โต๊ะกระจกหรือเฟอร์นิเจอร์ที่แตกหักง่าย

5. จัดบ้านให้เป็นระเบียบ

  • เก็บสิ่งของให้เรียบร้อย ไม่วางของเกะกะบนพื้นหรือทางเดิน
  • ใช้ชั้นวางของที่หยิบจับง่าย ไม่สูงเกินไป เพื่อป้องกันการเอื้อมหยิบของแล้วเสียหลักล้ม
  • หากมีสายไฟควรเก็บให้เป็นระเบียบ หลีกเลี่ยงการวางพาดทางเดิน

6. บันไดปลอดภัย

  • ติดราวจับสองข้างของบันไดเพื่อช่วยพยุงตัว
  • ใช้แผ่นกันลื่นติดบนขั้นบันไดเพื่อลดโอกาสลื่นล้ม
  • ควรติดตั้งไฟส่องสว่างบริเวณบันไดให้ชัดเจน โดยเฉพาะเวลากลางคืน

7. ตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้า

  • ตรวจสอบสายไฟและปลั๊กไฟอย่างสม่ำเสมอ หากพบว่าสายไฟเก่า ควรเปลี่ยนทันที
  • หลีกเลี่ยงการเสียบปลั๊กไฟหลายอุปกรณ์ในเต้ารับเดียวกันเพื่อลดความเสี่ยงจากไฟฟ้าลัดวงจร
  • ควรใช้เต้ารับที่มีสวิตช์ปิด-เปิดเพื่อลดความเสี่ยงจากไฟฟ้ารั่ว

8. เตรียมอุปกรณ์ฉุกเฉิน

  • มีโทรศัพท์หรือกริ่งฉุกเฉินในห้องนอน ห้องน้ำ และบริเวณที่ผู้สูงอายุใช้บ่อย
  • ควรมีรายชื่อเบอร์ติดต่อฉุกเฉินติดไว้ในจุดที่มองเห็นง่าย
  • หากเป็นไปได้ ควรใช้สายรัดข้อมือหรืออุปกรณ์เตือนภัยฉุกเฉินที่สามารถกดเรียกความช่วยเหลือได้

การสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยสำหรับผู้สูงอายุเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยลดอุบัติเหตุและทำให้พวกเขามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ด้วยการปรับเปลี่ยนเล็กๆ น้อยๆ เช่น การใช้พื้นกันลื่น การติดตั้งราวจับ หรือการจัดบ้านให้เป็นระเบียบ สามารถช่วยให้บ้านกลายเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้น ควรให้ความสำคัญกับการตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้า และเตรียมอุปกรณ์ฉุกเฉินให้พร้อมอยู่เสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าผู้สูงวัยจะได้รับการดูแลที่ดีที่สุด

หากคุณมีความกังวลใจในการดูแลผู้ป่วยหรือผู้สูงอายุ

ให้บ้าน #บ้านลลิสา ช่วยดูแล เราพร้อมมอบความมั่นใจ

ในการบริการ ดูแลด้วยความอบอุ่น ด้วยมาตรฐานระดับสูง

และบุคลากรที่เป็นมืออาชีพ ?‍⚕️?

===== ===== ===== =====

สนใจติดต่อ/สอบถามรายละเอียด

• โทร. 053-855008 , 088-2591895

• Line : https://lin.ee/cJwaF2g หรือ @baanlalisacm (มี @)