ระวังกลางแจ้งแดดแรง ผู้สูงอายุเสี่ยงขาดน้ำ วิธีดูแลให้ปลอดภัยในหน้าร้อน

การดูแลอย่างใกล้ชิด ฟื้นฟูครบวงจร ทางเลือกที่ดีที่สุดในการดูแลผู้สูงอายุอย่างมีคุณภาพ

เมื่อผู้สูงวัยในครอบครัวเริ่มต้องการความช่วยเหลือมากขึ้น การเลือกวิธี ดูแลผู้สูงอายุ อย่างถูกต้องจึงเป็นเรื่องสำคัญ ปัจจุบันมีหลายทางเลือก เช่น ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ, เนอร์สซิ่งโฮม หรือการ ดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน แต่สิ่งสำคัญคือการดูแลแบบ “ใกล้ชิดและครบวงจร” ที่ไม่เพียงดูแลร่างกาย แต่ครอบคลุมถึงจิตใจ สังคม และการฟื้นฟูสมรรถภาพ บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจแนวทางดูแลที่ดีที่สุดสำหรับคนที่คุณรัก

1. ทำไมการดูแลผู้สูงอายุต้อง “ใกล้ชิดและครบวงจร”

– เนื่องจากทางครอบครัวอาจไม่มีเวลามากพอ

2. องค์ประกอบของการดูแลผู้สูงอายุแบบฟื้นฟูครบวงจรดูแลด้านร่างกายด้วยกิจกรรมและโภชนาการ

2.1 ดูแลจิตใจและส่งเสริมเหมือนเข้าสังคม

การดูแลจิตใจมีส่วนช่วยลดภาวะซึมเศร้าและความเครียดในผู้สูงอายุได้อย่างมีนัยสำคัญ

2.2 ฟื้นฟูรายบุคคลด้วยแผนเฉพาะ

3. ทางเลือกยอดนิยมในการดูแลผู้สูงอายุ

3.1 การดูแลที่บ้าน: เหมาะสำหรับครอบครัวที่มีเวลา

3.2 ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุแบบครบวงจร

4. ประโยชน์ของการดูแลแบบใกล้ชิดและครบวงจร

4.1 ลดภาวะแทรกซ้อนจากโรคเรื้อรัง

4.2 เพิ่มคุณภาพชีวิตและความสุขในแต่ละวัน

5. คำแนะนำในการเลือกบริการดูแลผู้สูงอายุ

การเลือกวิธี ดูแลผู้สูงอายุ ที่เหมาะสม เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนที่คุณรัก การดูแลแบบใกล้ชิดและฟื้นฟูครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นที่บ้านหรือในศูนย์ดูแลเฉพาะทาง ล้วนมีบทบาทสำคัญในการเสริมสุขภาพทั้งกายและใจ หากคุณกำลังมองหาบริการที่เหมาะสม ลองเริ่มต้นจากการศึกษาตัวเลือกให้ครอบคลุม และตัดสินใจอย่างรอบคอบ เพื่อให้ช่วงบั้นปลายชีวิตของคนที่คุณรัก เต็มไปด้วยความอบอุ่นและความสุขอย่างแท้จริง

สบายกาย สบายใจ จากการดูแลใกล้ชิดจากทีมแพทย์ กับศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ

การดูแลผู้สูงอายุคือความใส่ใจในทุกรายละเอียดเมื่ออายุมากขึ้น สุขภาพร่างกายและจิตใจของผู้สูงอายุย่อมเปลี่ยนแปลง การมีสถานที่ที่สามารถดูแลได้อย่างใกล้ชิด โดยทีมแพทย์และบุคลากรผู้เชี่ยวชาญจึงกลายเป็นทางเลือกที่หลายครอบครัวไว้วางใจ “ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ” ที่ให้การดูแลแบบองค์รวม จึงเป็นคำตอบของคุณภาพชีวิตที่ทั้งผู้สูงอายุและครอบครัวที่ต้องการ การดูแลอย่างใกล้ชิด


#ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ #ดูแลผู้สูงอายุ #นักบริบาล24ชม #แพทย์ตรวจเยี่ยม #อาหารผู้สูงอายุ #กายภาพบำบัด
#บ้านลลิสา #NursingHomeเชียงใหม่ #ออกกำลังกายผู้สูงอายุ #ดูแลด้วยใจ #สุขภาพดีทุกวัย

สนใจติดต่อ/สอบถามรายละเอียด
📞 โทร. 053-855008 , 088-2591895
💬 Line : https://lin.ee/cJwaF2g หรือ @baanlalisacm (มี @)
📍 แผนที่ : https://goo.gl/maps/6GXQPqhvgZ1aMWLS7

การดูแล สำหรับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง

ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุบ้านลลิสา มอบความอุ่นใจในทุกขั้นตอนของการดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง พร้อมทีมแพทย์ พยาบาล นักกายภาพ และกิจกรรมบำบัดอย่างครบวงจร

วิธีป้องกันโรคสมองเสื่อม (Dementia) และอัลไซเมอร์ในผู้สูงอายุ

เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ความเสื่อมของร่างกายและสมองก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก โดยเฉพาะโรค “สมองเสื่อม” และ “อัลไซเมอร์” ที่พบมากในผู้สูงอายุ เป็นโรคที่กระทบต่อคุณภาพชีวิตอย่างรุนแรงทั้งต่อผู้ป่วยและผู้ดูแล การเข้าใจโรค และการป้องกันตั้งแต่เนิ่น ๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม


1.1 โรคสมองเสื่อม (Dementia) คืออะไร?

โรคสมองเสื่อม คือภาวะที่ความสามารถในการคิด ความจำ การตัดสินใจ และการใช้เหตุผลลดลง ซึ่งกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของผู้ป่วย โดยทั่วไปไม่ได้เป็นโรคเฉพาะโรคใดโรคหนึ่ง แต่อาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น พาร์กินสัน เส้นเลือดในสมองตีบ ฯลฯ

1.2 โรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s Disease) คืออะไร?

อัลไซเมอร์เป็นชนิดหนึ่งของโรคสมองเสื่อมที่พบได้มากที่สุด เป็นโรคที่เกิดจากการสะสมของโปรตีนผิดปกติในสมอง ทำให้เซลล์สมองเสื่อมลงอย่างช้าๆ จนนำไปสู่การสูญเสียความจำ และการควบคุมตนเอง

2.1 ความจำระยะสั้นลดลง

ลืมสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น ทำให้เกิดการถามคำถามซ้ำ ๆ หรือจำชื่อบุคคลหรือสถานที่ที่คุ้นเคยไม่ได้

2.2 มีปัญหาในการสื่อสาร

หาคำพูดไม่เจอ พูดซ้ำๆ หรือจัดลำดับคำผิด ทำให้มีปัญหาด้านการพูดการสื่อสาร

2.3 สูญเสียความสามารถในการวางแผนหรือแก้ปัญหา

ไม่สามารถจัดการงานง่าย ๆ เช่น จ่ายบิล ทำอาหาร หรือใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าง่าย ๆ ผิดพลาดเกิดการเสียหายได้

2.4 เปลี่ยนแปลงทางอารมณ์และบุคลิกภาพ

อาจกลายเป็นคนหวาดระแวง ซึมเศร้า หรือขี้โมโหโดยไม่มีเหตุผล เป็นการหาเหตุผลที่เป็นอยู่ไม่เจอ

3.1 อายุ

ความเสี่ยงเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคสมองเสื่อมและอัลไซเมอร์จะเพิ่มขึ้นตามอายุ โดยเฉพาะหลังอายุ 65 ปี

3.2 พันธุกรรม

หากมีประวัติครอบครัวเป็นโรคสมองเสื่อมและอัลไซเมอร์ จะมีโอกาสในการเกิดโรคนี้สูงขึ้น

3.3 โรคเรื้อรัง

โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง และโรคหัวใจล้วนเพิ่มความเสี่ยงเป็นโรคสมองเสื่อมและอัลไซเมอร์

3.4 พฤติกรรมการใช้ชีวิต

การสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ ขาดการออกกำลังกาย และนอนหลับไม่เพียงพอ เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ

4.1 กระตุ้นสมองอย่างสม่ำเสมอ

ทำกิจกรรมที่ใช้ความคิด เช่น อ่านหนังสือ เล่นหมากรุก ต่อจิ๊กซอว์ หรือเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เพื่อกระตุ้นการทำงานของสมอง

4.2 รักษาสุขภาพร่างกาย

ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยวันละ 30 นาที เช่น เดิน ว่ายน้ำ หรือรำไทเก๊ก เป็นให้บ่อยอย่างเป็นประจำมากขึ้น

4.3 รับประทานอาหารสมดุล

กินอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ผัก ผลไม้ ถั่ว ธัญพืช และปลาทะเล เพื่อให้สารอาหารที่รับประทานเข้าไปบำรุงสมอง ให้มากขึ้น

4.4 นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

การนอนหลับอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อวันช่วยให้สมองฟื้นฟูและลดการเสื่อม

4.5 หลีกเลี่ยงความเครียด

ฝึกสมาธิ ทำโยคะ หรือฟังเพลงเพื่อผ่อนคลายจิตใจ จะช่วยลดความเครียดสะสมมากขึ้น

4.6 เข้าสังคมและมีกิจกรรมร่วมกับผู้อื่น

การพบปะพูดคุยกับผู้อื่นช่วยลดความเสี่ยงของภาวะซึมเศร้าและส่งผลดีต่อการใช้สมองที่ดีขึ้น

4.7 ตรวจสุขภาพสม่ำเสมอ

การตรวจสุขภาพอย่างเป็นประจำจะช่วยคัดกรองความเสี่ยง และสามารถป้องกันโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ ได้

5.1 การจัดกิจกรรมกระตุ้นสมอง

ศูนย์ดูแลจะมีโปรแกรมกิจกรรมที่ออกแบบมาโดยเฉพาะให้เหมาะแก่ผู้สูงอายุทุกท่าน เช่น เกมความจำ ดนตรีบำบัด หรือกิจกรรมศิลปะ

5.2 การดูแลโภชนาการ

มีเจ้าหน้าที่กำหนดด้านอาหารและคอยดูแลเรื่องอาหารให้ครบถ้วนให้เหมาะกับผู้สูงอายุทุกท่าน

5.3 การส่งเสริมการออกกำลังกาย

มีเจ้าหน้าที่คอยฝึกหรือเจ้าหน้าที่ดูแลการเคลื่อนไหวเบื้องต้น เพื่อส่งเสริมสมรรถภาพทางกายแต่ผู้สูงอายุทุกท่าน

5.4 การดูแลสุขภาพจิต

ผู้สูงอายุจะได้รับการพูดคุย ปรึกษา และส่งเสริมสุขภาพจิตกับเจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่องและเป็นประจำ

5.5 การเฝ้าระวังและคัดกรองภาวะสมองเสื่อม

พยาบาลจะติดตามอาการและสังเกตความผิดปกติทางพฤติกรรมของผู้สูงอายุทุกท่านอย่างใกล้ชิด

บ้านลลิสา Nursing Home – ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่คุณวางใจได้

บ้านลลิสา Nursing Home คือศูนย์ดูแลผู้สูงอายุในจังหวัดเชียงใหม่ ที่มีทีมงานมืออาชีพดูแลผู้สูงอายุแบบองค์รวม ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และสมอง พร้อมด้วยกิจกรรมหลากหลายที่ช่วยชะลอการเกิดโรคสมองเสื่อมและอัลไซเมอร์

โรคสมองเสื่อมและอัลไซเมอร์สามารถป้องกันได้หากมีการดูแลอย่างเหมาะสม ตั้งแต่การใช้ชีวิตประจำวัน การเลือกอาหาร การออกกำลังกาย จนถึงการได้รับการดูแลจากศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่มีมาตรฐาน บทความนี้หวังว่าจะช่วยให้คุณเข้าใจและพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของผู้สูงวัยได้ดียิ่งขึ้น


#ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ #บ้านลลิสาเชียงใหม่ #โรคสมองเสื่อม #อัลไซเมอร์ #ผู้สูงอายุสุขภาพดี

Heat Stroke ภัยร้ายหน้าร้อน ป้องกัน และรับมืออย่างไรให้ปลอดภัย?

ฮีทสโตรก (Heat Stroke) คืออะไร?

1. อาการของฮีทสโตรกที่ควรเฝ้าระวัง

1.1 ผิวหนังแห้ง แดง ร้อน และไม่มีเหงื่อ แม้จะอยู่ในอากาศร้อนจัด แต่ผู้ที่เป็นฮีทสโตรกจะไม่มีเหงื่อออก เนื่องจากระบบขับเหงื่อไม่ทำงานตามปกติ

1.2 หายใจเร็ว ใจเต้นแรง เวียนศีรษะ สับสน สัญญาณเหล่านี้แสดงว่าร่างกายกำลังประสบภาวะเครียดอย่างรุนแรง และจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือด่วน


2. กลุ่มเสี่ยงที่ต้องระวังเป็นพิเศษ

2.1 ผู้สูงอายุและผู้ป่วยเรื้อรัง ผู้สูงอายุมีระบบการควบคุมอุณหภูมิร่างกายที่อ่อนแอลง รวมถึงอาจมีโรคประจำตัวที่ส่งผลให้เกิดฮีทสโตรกได้ง่ายขึ้น

2.2 เด็กเล็ก เด็กยังไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิร่างกายได้ดี ทำให้เสี่ยงเกิดฮีทสโตรกได้ง่าย โดยเฉพาะหากอยู่ในรถที่ปิดทึบ

2.3 ผู้ที่ทำงานหรือออกกำลังกายกลางแดด การใช้แรงมากในสภาพอากาศร้อนจัด จะเพิ่มอุณหภูมิภายในร่างกายอย่างรวดเร็ว


3. วิธีป้องกันฮีทสโตรกเบื้องต้นที่ทำได้ง่าย


4. การทำงานของบุคลากรบ้านลลิสา Nursing Home เพื่อป้องกันฮีทสโตรก

4.1 การประเมินสุขภาพรายวัน พยาบาลจะตรวจวัดอุณหภูมิ ความดัน และสัญญาณชีพของผู้สูงอายุทุกวัน หากพบความผิดปกติจะรายงานแพทย์ทันที

4.2 การวางแผนกิจกรรมให้เหมาะสม นักกิจกรรมบำบัดจะวางแผนกิจกรรมที่เหมาะกับสภาพอากาศ เช่น เลี่ยงกิจกรรมช่วงแดดจ้า และจัดกิจกรรมในห้องแอร์หรือร่มเงา

4.3 ระบบแจ้งเตือนกรณีฉุกเฉิน ภายในศูนย์มีระบบแจ้งเตือนฉุกเฉินในแต่ละห้อง หากผู้สูงอายุรู้สึกไม่สบายหรือเป็นลม สามารถกดปุ่มเรียกเจ้าหน้าที่ได้ทันที

4.4 การดูแลโภชนาการโดยนักกำหนดอาหาร มีการจัดเมนูอาหารพิเศษที่ช่วยปรับสมดุลร่างกาย เช่น เครื่องดื่มเกลือแร่ น้ำผลไม้สด และอาหารย่อยง่าย ลดโซเดียม

4.5 การอบรมเจ้าหน้าที่ประจำฤดูร้อน เจ้าหน้าที่ทุกคนได้รับการอบรมด้านการดูแลผู้สูงอายุในช่วงอากาศร้อน เพื่อให้สามารถระบุอาการและรับมือได้ทัน


ข้อควรระวังเพิ่มเติมในฤดูร้อน


บ้านลลิสา Nursing Home – ความห่วงใยที่จับต้องได้ ความพร้อมในการดูแลผู้สูงอายุในทุกฤดูกาล

เราคือศูนย์ดูแลผู้สูงอายุในจังหวัดเชียงใหม่ที่ให้บริการด้วยมาตรฐานระดับมืออาชีพ เน้นความปลอดภัย ความสะอาด และบรรยากาศอบอุ่นเหมือนบ้าน


ติดต่อเรา

ดูแลฟื้นฟูผู้ป่วย Stroke ด้วยกายภาพบำบัด

การฟื้นฟูผู้ป่วย Stroke ต้องการความเข้าใจ และการดูแลแบบองค์รวม การทำกายภาพบำบัดอย่างถูกวิธีและต่อเนื่องเป็นหัวใจสำคัญในการช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น “บ้านลลิสา” พร้อมดูแลฟื้นฟูผู้ป่วยอย่างมืออาชีพ เพื่อเป้าหมายในการฟื้นคืนศักยภาพการดำเนินชีวิตอย่างมั่นคง และปลอดภัย

ความสำคัญของการฟื้นฟูผู้ป่วย Stroke

ผู้ป่วย Stroke หรือโรคหลอดเลือดสมอง เป็นกลุ่มผู้ป่วยที่ต้องการการดูแลฟื้นฟูอย่างใกล้ชิด เนื่องจากภายหลังการเกิดโรค ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักประสบภาวะอ่อนแรงของร่างกายครึ่งซีก สูญเสียการควบคุมแขนขา ซึ่งส่งผลให้การทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น การเดิน การลุกนั่ง หรือการหยิบจับสิ่งของ กลายเป็นเรื่องยากลำบาก อีกทั้งยังอาจมีภาวะทางอารมณ์แปรปรวนร่วมด้วย เช่น ซึมเศร้า หรือวิตกกังวล

กายภาพบำบัด…ทางเลือกที่สำคัญในการฟื้นฟู

การทำกายภาพบำบัดจึงเป็นวิธีสำคัญที่จะช่วยฟื้นฟูการทำงานของร่างกายให้กลับมาใกล้เคียงเดิมมากที่สุด ทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ เช่น ข้อติด กล้ามเนื้อฝ่อลีบ หรือแผลกดทับ อีกทั้งยังช่วยให้ผู้ป่วยมีโอกาสกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพและเป็นอิสระมากขึ้น

บริการดูแลฟื้นฟูที่ “บ้านลลิสา”

ที่ “บ้านลลิสา” เราให้บริการดูแลและฟื้นฟูผู้ป่วย Stroke อย่างครบวงจร ด้วยทีมบุคลากรผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ด้านการกายภาพบำบัดโดยตรง ดูแลด้วยความใส่ใจ ใกล้ชิด และถูกต้องตามหลักวิชาการ

จุดเด่นของการฟื้นฟูที่บ้านลลิสา

  • ✨ การดูแลแบบเฉพาะบุคคล: ออกแบบโปรแกรมกายภาพบำบัดที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย เพื่อการฟื้นฟูที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
  • ✨ ทีมงานมืออาชีพ: นักกายภาพบำบัดที่มีใบประกอบวิชาชีพและประสบการณ์สูง พร้อมพยาบาลดูแลตลอด 24 ชั่วโมง
  • ✨ สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการฟื้นฟู: บ้านพักสะอาด ปลอดภัย อุปกรณ์ครบครัน รองรับผู้ป่วยอย่างเหมาะสม
  • ✨ การติดตามผลอย่างต่อเนื่อง: มีการประเมินและติดตามผลการฟื้นฟูอย่างสม่ำเสมอ เพื่อปรับแผนให้เหมาะสมตามพัฒนาการของผู้ป่วย
  • ✨ การดูแลด้านจิตใจและอารมณ์: มีกิจกรรมเสริมช่วยลดความเครียด และส่งเสริมกำลังใจในการฟื้นฟู
  • ✨ ความพร้อมด้านอาหารและโภชนาการ: บริการอาหารที่เหมาะสมต่อสุขภาพ และสอดคล้องกับภาวะของผู้ป่วยแต่ละราย เพื่อช่วยเสริมสร้างพลังงานในการฟื้นฟูร่างกาย
  • ✨ บริการแบบครบวงจรในที่เดียว: ครอบคลุมทั้งการฟื้นฟูทางร่างกายและจิตใจ รวมถึงการดูแลรายวันโดยทีมสหวิชาชีพ เพื่อความสะดวกสบายและมั่นใจของผู้ป่วยและครอบครัว

สิ่งที่จะได้รับจากการฟื้นฟูที่บ้านลลิสา

  • ✅ ฟื้นฟูการทำงานของกล้ามเนื้อและข้อต่อที่อ่อนแรง: ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถขยับร่างกายได้ดีขึ้น ลดอาการเกร็งและข้อติด เพิ่มความคล่องตัวในการทำกิจกรรมต่างๆ
  • ✅ ฟื้นฟูสมดุลของร่างกาย เช่น ฝึกการทรงตัว: ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถยืน เดิน หรือเปลี่ยนอิริยาบถได้อย่างมั่นคง ลดความเสี่ยงในการหกล้ม และเพิ่มความมั่นใจในการเคลื่อนไหว
  • ✅ เพิ่มขีดความสามารถในการเคลื่อนไหว เช่น การลุกนั่ง เดิน: เสริมสร้างความสามารถพื้นฐานในการดำเนินชีวิตประจำวันอย่างเป็นอิสระมากขึ้น และลดการพึ่งพาผู้อื่น
  • ✅ เพิ่มความแข็งแรง ความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ: ลดความเสี่ยงของกล้ามเนื้อฝ่อลีบ เพิ่มความทนทานและคล่องตัวต่อกิจกรรมต่างๆ ทำให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วขึ้น
  • ✅ ฝึกการใช้อุปกรณ์ช่วยเหลือต่างๆ เช่น ไม้เท้า ไม้พยุง ให้ใช้อย่างปลอดภัย: เสริมความมั่นใจและความปลอดภัยในการเคลื่อนไหว ลดอุบัติเหตุจากการใช้ผิดวิธี พร้อมแนะนำวิธีดูแลอุปกรณ์อย่างเหมาะสม
  • ✅ การดูแลอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ: ฟื้นฟูภายใต้การดูแลของทีมผู้เชี่ยวชาญที่ติดตามผลและปรับแผนอย่างเหมาะสมต่อเนื่อง
  • ✅ บริการดูแลเสริมด้านสุขภาพจิตและอารมณ์: ลดความเครียด เสริมสร้างกำลังใจ เพิ่มแรงจูงใจในการฟื้นฟู
  • ✅ บริการครบจบในที่เดียว: ทั้งการฟื้นฟู การดูแลรายวัน และบริการเสริมอื่นๆ ครบวงจรในสถานที่เดียวกัน สะดวกและปลอดภัย

สนใจติดต่อ/สอบถามรายละเอียด :

• โทร. 053-855008 , 088-2591895

• Line : @baanlalisacm (มี @)

🚩 เเผนที่ : https://goo.gl/maps/6GXQPqhvgZ1aMWLS7

#ผู้ป่วยติดเตียง#เนิร์สซิ่งโฮมเชียงใหม่#NursingHome#NursingHomeเชียงใหม่#ChiangMaiNursingHome

#ดูเเลผู้ป่วยครบวงจร#บ้านลลิสาจังหวัดเชียงใหม่

#ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุเเละผู้ป่วยระยะพักฟื้น#ดูแลผู้ป่วยStroke

ลดอุบัติเหตุสำหรับผู้สูงวัย เพิ่มความปลอดภัยในบ้าน

ผู้สูงอายุเป็นวัยที่ต้องการความปลอดภัยและความสะดวกสบายภายในบ้าน การปรับปรุงสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมจะช่วยลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น การหกล้ม การสะดุด หรืออุบัติเหตุจากไฟฟ้า บทความนี้จะนำเสนอ 8 วิธีในการเพิ่มความปลอดภัยภายในบ้านสำหรับผู้สูงอายุ เพื่อช่วยให้พวกเขาใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัยและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

1. พื้นบ้านปลอดภัย

  • ใช้พื้นกันลื่น หลีกเลี่ยงพื้นผิวที่อาจลื่นง่าย เช่น กระเบื้องมันเงาหรือพรมขนยาว
  • หากมีพรม ควรใช้เทปกันลื่นติดใต้พรมเพื่อลดโอกาสสะดุดล้ม
  • ควรปรับปรุงพื้นบ้านให้เรียบเสมอกัน ลดการใช้ธรณีประตูที่อาจทำให้สะดุด

2. แสงสว่างเพียงพอ

  • ติดตั้งไฟให้สว่างทั่วบ้าน โดยเฉพาะบริเวณบันได ห้องน้ำ และทางเดิน
  • ใช้ไฟกลางคืนหรือไฟเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวในพื้นที่สำคัญ เช่น ทางเดินไปห้องน้ำ
  • หลีกเลี่ยงการใช้แสงไฟที่สลัวเกินไปซึ่งอาจทำให้การมองเห็นไม่ชัดเจน

3. ติดตั้งราวจับในห้องน้ำ

  • ห้องน้ำเป็นจุดที่เสี่ยงต่อการลื่นล้ม ควรติดตั้งราวจับบริเวณโถสุขภัณฑ์และบริเวณอาบน้ำ
  • ใช้พื้นห้องน้ำที่มีคุณสมบัติกันลื่น และควรมีพรมกันลื่นที่สามารถระบายน้ำได้ดี
  • หากเป็นไปได้ ควรใช้เก้าอี้นั่งอาบน้ำเพื่อลดความเสี่ยงในการลื่นล้ม

4. ปรับเฟอร์นิเจอร์ให้เหมาะสม

  • ใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มั่นคง ไม่ลื่นไถล และควรมีขอบโค้งมนเพื่อลดความเสี่ยงจากการกระแทก
  • ควรมีเก้าอี้นั่งที่มีพนักพิงสูงและที่วางแขน เพื่อให้ลุกนั่งสะดวกขึ้น
  • หลีกเลี่ยงการใช้โต๊ะกระจกหรือเฟอร์นิเจอร์ที่แตกหักง่าย

5. จัดบ้านให้เป็นระเบียบ

  • เก็บสิ่งของให้เรียบร้อย ไม่วางของเกะกะบนพื้นหรือทางเดิน
  • ใช้ชั้นวางของที่หยิบจับง่าย ไม่สูงเกินไป เพื่อป้องกันการเอื้อมหยิบของแล้วเสียหลักล้ม
  • หากมีสายไฟควรเก็บให้เป็นระเบียบ หลีกเลี่ยงการวางพาดทางเดิน

6. บันไดปลอดภัย

  • ติดราวจับสองข้างของบันไดเพื่อช่วยพยุงตัว
  • ใช้แผ่นกันลื่นติดบนขั้นบันไดเพื่อลดโอกาสลื่นล้ม
  • ควรติดตั้งไฟส่องสว่างบริเวณบันไดให้ชัดเจน โดยเฉพาะเวลากลางคืน

7. ตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้า

  • ตรวจสอบสายไฟและปลั๊กไฟอย่างสม่ำเสมอ หากพบว่าสายไฟเก่า ควรเปลี่ยนทันที
  • หลีกเลี่ยงการเสียบปลั๊กไฟหลายอุปกรณ์ในเต้ารับเดียวกันเพื่อลดความเสี่ยงจากไฟฟ้าลัดวงจร
  • ควรใช้เต้ารับที่มีสวิตช์ปิด-เปิดเพื่อลดความเสี่ยงจากไฟฟ้ารั่ว

8. เตรียมอุปกรณ์ฉุกเฉิน

  • มีโทรศัพท์หรือกริ่งฉุกเฉินในห้องนอน ห้องน้ำ และบริเวณที่ผู้สูงอายุใช้บ่อย
  • ควรมีรายชื่อเบอร์ติดต่อฉุกเฉินติดไว้ในจุดที่มองเห็นง่าย
  • หากเป็นไปได้ ควรใช้สายรัดข้อมือหรืออุปกรณ์เตือนภัยฉุกเฉินที่สามารถกดเรียกความช่วยเหลือได้

การสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยสำหรับผู้สูงอายุเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยลดอุบัติเหตุและทำให้พวกเขามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ด้วยการปรับเปลี่ยนเล็กๆ น้อยๆ เช่น การใช้พื้นกันลื่น การติดตั้งราวจับ หรือการจัดบ้านให้เป็นระเบียบ สามารถช่วยให้บ้านกลายเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้น ควรให้ความสำคัญกับการตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้า และเตรียมอุปกรณ์ฉุกเฉินให้พร้อมอยู่เสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าผู้สูงวัยจะได้รับการดูแลที่ดีที่สุด

หากคุณมีความกังวลใจในการดูแลผู้ป่วยหรือผู้สูงอายุ

ให้บ้าน #บ้านลลิสา ช่วยดูแล เราพร้อมมอบความมั่นใจ

ในการบริการ ดูแลด้วยความอบอุ่น ด้วยมาตรฐานระดับสูง

และบุคลากรที่เป็นมืออาชีพ 👩‍⚕️💙

===== ===== ===== =====

สนใจติดต่อ/สอบถามรายละเอียด

• โทร. 053-855008 , 088-2591895

• Line : https://lin.ee/cJwaF2g หรือ @baanlalisacm (มี @)

กายภาพให้ถูกวิธี ช่วยฟื้นฟูได้ดีทั้งกล้ามเนื้อและร่างกาย

การทำกายภาพบำบัดเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการช่วยฟื้นฟูผู้ป่วยและผู้สูงอายุให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติ การเลือกใช้วิธีที่ถูกต้องและเหมาะสมจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกาย ลดอาการปวดเมื่อย และป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่างๆ บ้านลลิสาสาขาเชียงใหม่มุ่งเน้นการดูแลแบบองค์รวม เพื่อให้ผู้สูงอายุและผู้ป่วยได้รับการฟื้นฟูอย่างมีประสิทธิภาพ

1. กายภาพบำบัดคืออะไร และทำไมถึงสำคัญ?

1.1 ความหมายของกายภาพบำบัด

กายภาพบำบัด (Physical Therapy) เป็นศาสตร์ที่ช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพทางร่างกาย โดยอาศัยวิธีการออกกำลังกาย เทคนิคบำบัดด้วยมือ และอุปกรณ์เฉพาะทาง เพื่อช่วยลดอาการเจ็บปวด เสริมสร้างความแข็งแรง และปรับสมดุลของร่างกาย

1.2 ประโยชน์ของกายภาพบำบัด

  • ช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อและข้อต่อ ลดอาการฝืดแข็งและเพิ่มความคล่องตัวของร่างกาย
  • ปรับปรุงสมดุลของร่างกาย ลดความเสี่ยงจากการล้มในผู้สูงอายุ
  • เสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกาย ช่วยให้กล้ามเนื้อทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ฝึกการเคลื่อนไหวที่ถูกต้อง ป้องกันอาการบาดเจ็บจากการใช้งานร่างกายผิดวิธี
  • เพิ่มคุณภาพชีวิต ทำให้ผู้ป่วยสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างอิสระมากขึ้น

2. วิธีทำกายภาพบำบัดที่ถูกต้อง

2.1 ฟื้นฟูการทำงานของกล้ามเนื้อและข้อต่อ

การทำกายภาพบำบัดช่วยลดอาการกล้ามเนื้อตึงแข็ง ทำให้สามารถเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น โดยใช้เทคนิคต่างๆ เช่น การยืดเหยียด การนวดบำบัด และการออกกำลังกายเฉพาะทาง

2.2 ฟื้นฟูสมดุลของร่างกาย

การฝึกสมดุลของร่างกายช่วยลดความเสี่ยงในการล้ม โดยใช้วิธีการฝึกเดิน ฝึกการทรงตัว และการออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงของร่างกาย

2.3 การเพิ่มความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ

  • การออกกำลังกายแบบใช้แรงต้าน เช่น การยกน้ำหนักเบา
  • การออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น เช่น โยคะหรือพิลาทิส
  • การเดินเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและเสริมสร้างความแข็งแรง

2.4 ฝึกการเคลื่อนไหวที่เหมาะสม

ผู้ป่วยที่มีข้อจำกัดในการเคลื่อนไหว ควรฝึกการลุกนั่ง การเดิน และการเคลื่อนไหวต่างๆ ภายใต้คำแนะนำของนักกายภาพบำบัด เพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บ

2.5 การใช้อุปกรณ์ช่วยเหลือในการเดิน

ผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยที่มีปัญหาในการเดินสามารถใช้อุปกรณ์ช่วย เช่น ไม้เท้า หรืออุปกรณ์ช่วยพยุง เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและลดความเสี่ยงในการล้ม


3. บริการกายภาพบำบัดจากบ้านลลิสาสาขาเชียงใหม่

3.1 ดูแลผู้สูงอายุแบบครบวงจร

บ้านลลิสามีบริการดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยแบบครบวงจร โดยให้บริการกายภาพบำบัดโดยนักกายภาพบำบัดที่มีประสบการณ์ ช่วยให้การฟื้นฟูเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

3.2 การกายภาพบำบัดแบบเฉพาะบุคคล

แต่ละบุคคลมีความต้องการที่แตกต่างกัน บ้านลลิสามีการออกแบบโปรแกรมกายภาพบำบัดที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล เพื่อให้ได้รับการฟื้นฟูที่ดีที่สุด

3.3 ทีมงานมืออาชีพพร้อมให้คำปรึกษา

บ้านลลิสามีทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญ พร้อมให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการทำกายภาพบำบัด และการดูแลผู้สูงอายุอย่างใกล้ชิด


#บ้านลลิสา เราพร้อมมอบความมั่นใจในการบริการ

ดูแลด้วยความอบอุ่น ด้วยมาตรฐานระดับสูง

และบุคคลากรที่เป็นมืออาชีพ 👩‍⚕️💙

📞 สอบถามเพิ่มเติม
📌 โทร. 053-855008 , 088-2591895
📌 Line : @baanlalisacm (มี @)

#กายภาพบำบัด #ดูแลผู้สูงอายุ #บ้านลลิสาเชียงใหม่ #NursingHome #ChiangMaiNursingHome

กิจกรรมสร้างความสุขให้กับผู้สูงอายุ

ความสำคัญของกิจกรรมสร้างความสุขให้ผู้สูงอายุ

1. ทำไมผู้สูงอายุจึงต้องมีกิจกรรมสร้างความสุข

2. ผลกระทบของการขาดกิจกรรมต่อสุขภาพจิตของผู้สูงอายุ


กิจกรรมสร้างความสุขที่แนะนำสำหรับผู้สูงอายุ

1. การออกกำลังกายเบาๆ

การออกกำลังกายช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกายและลดความเครียด เช่น:

  • การเดินเล่นในสวนสาธารณะ
  • การทำโยคะสำหรับผู้สูงอายุ
  • การบริหารร่างกายด้วยดนตรี

2. กิจกรรมกายภาพบำบัด

เหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่มีปัญหาด้านการเคลื่อนไหว โดยเน้นการฝึกฟื้นฟูร่างกายและเสริมสร้างความแข็งแรง

กิจกรรมเชิงสังคมเพื่อความสัมพันธ์ที่ดี

1. การทำกิจกรรมร่วมกับครอบครัว

การมีกิจกรรมร่วมกับลูกหลาน เช่น ทำอาหาร เล่นเกม หรือพูดคุย จะช่วยเสริมสร้างสายใยความสัมพันธ์และลดความรู้สึกโดดเดี่ยว

2. การเข้าร่วมชมรมหรือกลุ่มกิจกรรม

ผู้สูงอายุสามารถเข้าร่วมกลุ่มทำงานฝีมือ ร้องเพลง หรือกิจกรรมทางศาสนา เพื่อพบปะผู้คนและแลกเปลี่ยนประสบการณ์

กิจกรรมเชิงสร้างสรรค์เพื่อพัฒนาทักษะและความเพลิดเพลิน

1. ศิลปะบำบัด

การวาดภาพ งานประดิษฐ์ หรือดนตรีบำบัด ช่วยกระตุ้นสมองและลดความเครียด

2. การอ่านหนังสือและเขียนไดอารี่

ช่วยพัฒนาความจำและส่งเสริมการใช้ความคิดสร้างสรรค์


บทบาทของบ้านลลิสา สาขาเชียงใหม่ในการสร้างความสุขให้ผู้สูงอายุ

1. การดูแลแบบองค์รวมที่เน้นสุขภาพและความสุข

บ้านลลิสาสาขาเชียงใหม่มุ่งเน้นการดูแลผู้สูงอายุแบบองค์รวม ครอบคลุมทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และสังคม โดยมีเจ้าหน้าที่ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง

2. กิจกรรมพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อผู้สูงอายุ

บ้านลลิสามีกิจกรรมที่ออกแบบมาเพื่อเสริมสร้างความสุขและสุขภาพ เช่น การออกกำลังกายกลุ่ม การบำบัดด้วยศิลปะ และกิจกรรมเชิงสันทนาการที่ช่วยให้ผู้สูงอายุมีความสุขในทุกๆ วัน

3. ข้อดีของกิจกรรมสร้างความสุข และประโยชน์ที่ได้รับ

การทำกิจกรรมสร้างความสุขไม่ได้เป็นเพียงแค่ความสนุกสนานในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น แต่ยังมีผลดีต่อสุขภาพกายและใจของผู้เข้าร่วมกิจกรรม โดยเฉพาะในผู้สูงอายุที่ต้องการความอบอุ่นและการมีส่วนร่วมในสังคม

🌟 ข้อดีของกิจกรรมสร้างความสุข

ช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวล – กิจกรรมที่สนุกสนานช่วยกระตุ้นสารแห่งความสุข (Endorphins) ทำให้ผู้สูงอายุรู้สึกผ่อนคลายและลดภาวะซึมเศร้าได้
เสริมสร้างความสัมพันธ์ทางสังคม – การทำกิจกรรมร่วมกันช่วยให้ผู้สูงอายุได้พบปะ พูดคุย และแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้อื่น ลดความรู้สึกโดดเดี่ยว
ส่งเสริมสุขภาพกายและจิตใจ – กิจกรรมบางประเภท เช่น การทำอาหาร วาดภาพ ร้องเพลง หรือออกกำลังกายเบาๆ มีส่วนช่วยให้สุขภาพแข็งแรงขึ้น
กระตุ้นสมองและความจำ – การทำกิจกรรมที่ต้องใช้ความคิด เช่น เกมฝึกสมอง หรือกิจกรรมศิลปะ ช่วยชะลอภาวะสมองเสื่อมและกระตุ้นการทำงานของสมอง
เพิ่มคุณค่าทางจิตใจและความภาคภูมิใจในตัวเอง – การทำกิจกรรมที่มีเป้าหมาย เช่น การทำขนมหรือการประดิษฐ์ของใช้ ทำให้ผู้สูงอายุรู้สึกว่าตนเองยังสามารถทำสิ่งที่มีประโยชน์ได้

🌿 ประโยชน์ที่ได้รับจากกิจกรรมสร้างความสุข

🔹 สุขภาพดีขึ้นทั้งกายและใจ – การทำกิจกรรมเป็นประจำช่วยให้สุขภาพแข็งแรง มีพลังงานมากขึ้น และลดความเสี่ยงของโรคต่างๆ
🔹 มีพลังบวกและความสุขในชีวิต – ช่วยสร้างมุมมองที่ดีต่อชีวิต ทำให้รู้สึกสดชื่นและกระฉับกระเฉงมากขึ้น
🔹 ช่วยให้มีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น – ผู้สูงอายุที่เข้าร่วมกิจกรรมสม่ำเสมอมักมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับครอบครัวและเพื่อนรอบตัว
🔹 ลดภาวะซึมเศร้าและความเหงา – การทำกิจกรรมอย่างสม่ำเสมอช่วยลดความรู้สึกโดดเดี่ยวและทำให้มีชีวิตชีวาขึ้น

💖 เพราะความสุขคือยาวิเศษของชีวิต
การส่งเสริมให้ผู้สูงอายุได้ทำกิจกรรมที่สร้างความสุขเป็นการช่วยให้พวกเขามีชีวิตที่สดใสและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น 😊💛

เจ้าหน้าที่ดูแลผู้สูงอายุมีบทบาทอะไรบ้าง?

การดูแลผู้สูงอายุอย่างครบวงจรต้องอาศัยเจ้าหน้าที่ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และความเข้าใจในด้านต่างๆ เพื่อให้ผู้สูงอายุได้รับการดูแลที่เหมาะสมและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยเจ้าหน้าที่ดูแลผู้สูงอายุมีบทบาทและหน้าที่หลักดังนี้

1. พยาบาลวิชาชีพ (Registered Nurse – RN)

✅ ดูแลสุขภาพทั่วไปของผู้สูงอายุ เช่น ตรวจวัดสัญญาณชีพ ให้ยา และดูแลบาดแผล
✅ ประเมินสุขภาพและติดตามอาการของผู้สูงอายุ รวมถึงให้คำแนะนำด้านสุขภาพ
✅ ให้คำปรึกษาด้านโภชนาการ และการป้องกันโรคในผู้สูงอายุ

2. ผู้ช่วยพยาบาล (Nurse Assistant)

✅ ช่วยเหลือพยาบาลในการดูแลสุขภาพพื้นฐาน เช่น เปลี่ยนผ้าอ้อม เช็ดตัว และช่วยพยุงการเคลื่อนไหว
✅ ดูแลเรื่องโภชนาการ เช่น ป้อนอาหารและน้ำให้ผู้สูงอายุที่ช่วยเหลือตัวเองได้น้อย
✅ ช่วยดูแลเรื่องสุขอนามัยส่วนบุคคล เช่น อาบน้ำ ตัดเล็บ และทำความสะอาดร่างกาย

3. นักกายภาพบำบัด (Physical Therapist – PT)

✅ ออกแบบและดำเนินการทำกายภาพบำบัดเพื่อช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกาย
✅ ช่วยให้ผู้สูงอายุสามารถเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น ลดอาการปวดกล้ามเนื้อ และเพิ่มความแข็งแรง
✅ ให้คำแนะนำเกี่ยวกับอุปกรณ์ช่วยเดิน เช่น ไม้เท้า หรือรถเข็น

4. นักกิจกรรมบำบัด (Occupational Therapist – OT)

✅ ออกแบบกิจกรรมเพื่อช่วยให้ผู้สูงอายุสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ง่ายขึ้น
✅ ช่วยฝึกทักษะด้านร่างกาย สมอง และอารมณ์ เช่น การออกกำลังกายเบาๆ ศิลปะบำบัด หรือดนตรีบำบัด
✅ ส่งเสริมให้ผู้สูงอายุสามารถช่วยเหลือตัวเองได้มากขึ้น

5. นักโภชนาการ (Dietitian/Nutritionist)

✅ ออกแบบเมนูอาหารให้เหมาะสมกับสภาวะสุขภาพของผู้สูงอายุ
✅ ควบคุมปริมาณสารอาหารที่จำเป็น และช่วยปรับอาหารให้เหมาะสมกับโรคประจำตัว
✅ ให้คำแนะนำเกี่ยวกับโภชนาการสำหรับครอบครัวและผู้ดูแล

6. นักจิตวิทยาหรือที่ปรึกษาด้านสุขภาพจิต (Psychologist/Counselor)

✅ ให้คำปรึกษาด้านจิตใจและอารมณ์แก่ผู้สูงอายุเพื่อลดภาวะซึมเศร้าและความเครียด
✅ ส่งเสริมกิจกรรมที่ช่วยให้ผู้สูงอายุรู้สึกมีคุณค่าและมีความสุข
✅ ช่วยดูแลด้านอารมณ์ของผู้สูงอายุที่มีภาวะสมองเสื่อมหรือภาวะซึมเศร้า

7. ผู้ดูแลผู้สูงอายุ (Caregiver/Personal Care Assistant)

✅ ดูแลผู้สูงอายุแบบใกล้ชิด ทั้งการช่วยเหลือกิจวัตรประจำวัน เช่น การอาบน้ำ แต่งตัว และรับประทานอาหาร
✅ ดูแลความเป็นอยู่ทั่วไป เช่น จัดห้องพักให้สะอาด สบาย และปลอดภัย
✅ พาผู้สูงอายุทำกิจกรรม เช่น ออกกำลังกาย พูดคุย หรือพาออกไปเดินเล่น


การดูแลผู้สูงอายุเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยเจ้าหน้าที่ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เพื่อให้ผู้สูงอายุได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยเจ้าหน้าที่ดูแลผู้สูงอายุแต่ละประเภทมีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือทั้งด้านสุขภาพกาย สุขภาพจิต และการใช้ชีวิตประจำวัน

💙 “เพราะการดูแลที่ดี คือกุญแจสู่ความสุขของผู้สูงอายุ”
หากกำลังมองหาสถานที่ที่มีเจ้าหน้าที่ดูแลผู้สูงอายุแบบครบวงจร บ้านลลิสาสาขาเชียงใหม่ พร้อมให้การดูแลอย่างใส่ใจและอบอุ่น 😊👵🏻👨🏻‍🦳


สรุปและข้อแนะนำสำหรับครอบครัว

กิจกรรมสร้างความสุขสำหรับผู้สูงอายุมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อสุขภาพกายและจิตใจ การเลือกกิจกรรมที่เหมาะสมจะช่วยให้ผู้สูงอายุรู้สึกมีคุณค่าและมีความสุขมากขึ้น หากคุณกำลังมองหาสถานที่ดูแลผู้สูงอายุที่ให้บริการแบบครบวงจร บ้านลลิสาสาขาเชียงใหม่ เป็นทางเลือกที่เหมาะสม ที่นี่ให้การดูแลผู้สูงอายุอย่างใส่ใจ พร้อมกิจกรรมที่ช่วยเสริมสร้างความสุขและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ข้อแนะนำ:

  • สนับสนุนให้ผู้สูงอายุเข้าร่วมกิจกรรมที่เหมาะสมกับสุขภาพและความสนใจ
  • เลือกสถานที่ที่มีบริการดูแลอย่างมืออาชีพและมีกิจกรรมที่หลากหลาย
  • ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อวางแผนการดูแลที่เหมาะสม

📌 เพราะความสุขของผู้สูงอายุ คือความสุขของทุกคนในครอบครัว 💙

#บ้านลลิสา เราพร้อมมอบความมั่นใจในการบริการ

ดูแลด้วยความอบอุ่น ด้วยมาตรฐานระดับสูง

และบุคคลากรที่เป็นมืออาชีพ 👩‍⚕️💙

สนใจติดต่อ/สอบถามรายละเอียด

• โทร. 053-855008 , 088-2591895

• Line : https://lin.ee/cJwaF2g

หรือ @baanlalisacm (มี @)

🚩 เเผนที่ : https://goo.gl/maps/6GXQPqhvgZ1aMWLS7