ฟื้นฟูผู้ป่วย Stroke อย่างถูกวิธี เริ่มต้นได้วันนี้

หลังจากเกิด Stroke — ทุกการฟื้นฟู คือโอกาสสำคัญ”

โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) เป็นภาวะที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน แต่ผลกระทบกลับอยู่กับผู้ป่วยไปตลอดชีวิต หากไม่ได้รับการฟื้นฟูอย่างถูกวิธีในระยะเวลาที่เหมาะสม อาจทำให้สูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหว การพูด การกลืน หรือแม้กระทั่งความจำและการรับรู้

“บ้านลลิสา สาขาเมืองเชียงใหม่” เข้าใจดีว่า การฟื้นฟูหลังภาวะ Stroke ไม่ใช่แค่การรักษา แต่คือการคืนคุณภาพชีวิตให้ผู้ป่วย เราจึงจัดบริการดูแลแบบครบวงจร ทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ ด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขา ทั้งแพทย์ นักกายภาพบำบัด นักกิจกรรมบำบัด และผู้ดูแลผู้ป่วยมืออาชีพ

พร้อมบรรยากาศอบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน ตั้งอยู่ใกล้โรงพยาบาลเทพปัญญา เดินทางสะดวก รองรับกรณีฉุกเฉินได้รวดเร็ว เหมาะสำหรับผู้สูงอายุและผู้ป่วยที่ต้องการพักฟื้นอย่างมั่นใจ

ทำความเข้าใจ “Stroke” โรคหลอดเลือดสมอง ที่ต้องรีบฟื้นฟู

Stroke คืออะไร?

Stroke หรือ “โรคหลอดเลือดสมอง” คือภาวะที่สมองขาดเลือดไปเลี้ยงอย่างเฉียบพลัน ส่งผลให้เซลล์สมองบางส่วนตาย ทำให้ผู้ป่วยสูญเสียการควบคุมการเคลื่อนไหว การพูด หรือการรับรู้ในบางด้าน

โรคนี้แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่

  • Stroke ชนิดขาดเลือด (Ischemic Stroke) — เกิดจากลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดสมอง
  • Stroke ชนิดเลือดออก (Hemorrhagic Stroke) — เกิดจากหลอดเลือดในสมองแตก ทำให้เลือดรั่วออกมากดทับเนื้อสมอง

ไม่ว่าจะเป็นชนิดใด การฟื้นฟูอย่างถูกต้องและต่อเนื่องหลังเกิด Stroke คือหัวใจสำคัญของการกลับมาใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงปกติ

สัญญาณเตือนโรคหลอดเลือดสมอง

เราสามารถจำสัญญาณเตือนของโรคนี้ได้ง่าย ๆ ด้วยหลัก F.A.S.T.

ตัวอักษรความหมายสัญญาณเตือน
F – Faceใบหน้าเบี้ยวยิ้มแล้วมุมปากข้างหนึ่งตก
A – Armแขนอ่อนแรงยกแขนทั้งสองข้างขึ้นไม่เท่ากัน
S – Speechพูดไม่ชัดพูดไม่รู้เรื่อง หรือออกเสียงผิดปกติ
T – Timeเวลาหากพบอาการเหล่านี้ ต้องรีบไปโรงพยาบาลทันที

“เวลา” คือสิ่งสำคัญที่สุด เพราะทุกนาทีที่สมองขาดเลือด เซลล์สมองจำนวนมากจะตายลงอย่างถาวร

H2: หลังเกิด Stroke ทำไม “การฟื้นฟู” ถึงสำคัญมาก

หลังผ่านพ้นระยะวิกฤตในโรงพยาบาลแล้ว ผู้ป่วย Stroke มักจะต้องเผชิญกับภาวะต่าง ๆ เช่น

  • แขนขาอ่อนแรง เดินไม่ได้
  • กลืนอาหารลำบาก
  • พูดไม่ชัด หรือพูดไม่ได้
  • สูญเสียความจำ หรือมีอารมณ์แปรปรวน

การฟื้นฟูจึงเป็นขั้นตอนสำคัญในการ “คืนความสามารถในการใช้ชีวิตประจำวัน” ให้กลับมาได้มากที่สุด โดยเฉพาะในช่วง 3-6 เดือนแรกหลังเกิดอาการ ซึ่งเป็น “ช่วงทอง” ของการฟื้นฟูสมรรถภาพทางสมองและร่างกาย

โปรแกรมฟื้นฟูผู้ป่วย Stroke ที่บ้านลลิสา — ครบ จบ ในที่เดียว

ที่ “บ้านลลิสา สาขาเมืองเชียงใหม่” เราออกแบบโปรแกรมฟื้นฟูเฉพาะสำหรับผู้ป่วย Stroke โดยใช้หลักการทางการแพทย์ควบคู่กับการดูแลแบบอบอุ่น เพื่อให้ผู้ป่วยฟื้นตัวทั้งกายและใจ

1. กายภาพบำบัด (Physical Therapy) — ฟื้นฟูการเคลื่อนไหว แขน-ขา

การกายภาพบำบัดเป็นหัวใจหลักของการฟื้นฟูผู้ป่วย Stroke โดยทีม นักกายภาพบำบัดผู้เชี่ยวชาญ จะประเมินความสามารถของผู้ป่วยแต่ละราย และวางแผนการฝึกอย่างเหมาะสม เช่น

  • การกระตุ้นกล้ามเนื้ออ่อนแรง ด้วยเทคนิค Passive & Active Exercise
  • ฝึกการทรงตัว และการนั่ง ยืน เดิน
  • ฝึกการใช้อุปกรณ์ช่วยเดิน เช่น Walker, ไม้เท้า
  • การยืดเหยียดเพื่อลดการเกร็งของกล้ามเนื้อ (Spasticity Reduction)

เป้าหมายคือให้ผู้ป่วยสามารถกลับมาเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ ปลอดภัย และมั่นใจในทุกก้าว

2. กิจกรรมฝึกสมอง (Cognitive Rehabilitation) — ฟื้นฟูความจำและการสื่อสาร

ผู้ป่วย Stroke มักมีปัญหาด้านสมอง เช่น ความจำสั้น สมาธิสั้น หรือพูดไม่ชัด “บ้านลลิสา” จึงมีโปรแกรม กิจกรรมฝึกสมอง (Brain Training) ที่ออกแบบมาเพื่อกระตุ้นการทำงานของสมองส่วนที่บาดเจ็บ เช่น

  • เกมฝึกความจำและการคิดวิเคราะห์
  • การฝึกอ่าน เขียน พูด
  • การฝึกการสื่อสารกับผู้อื่นอย่างเป็นขั้นตอน
  • การจำลองสถานการณ์ชีวิตจริง เช่น การเลือกเสื้อผ้า หรือการจัดโต๊ะอาหาร

กิจกรรมเหล่านี้ช่วยให้ผู้ป่วย กลับมาสื่อสารได้ดีขึ้นและคิดได้อย่างมีระบบมากขึ้น

3. ดูแลสุขภาพจิตใจ (Mental Health Care) — คืนความมั่นใจให้ผู้ป่วย

นอกจากร่างกายแล้ว “ใจ” ก็สำคัญไม่แพ้กัน
ผู้ป่วย Stroke หลายคนรู้สึกซึมเศร้า สูญเสียความมั่นใจ หรือไม่อยากเข้าสังคม

บ้านลลิสาให้ความสำคัญกับการ ดูแลสุขภาพจิตใจแบบองค์รวม โดยนักจิตวิทยาและทีมบริบาลจะร่วมกันสร้างบรรยากาศที่อบอุ่น ปลอดภัย และให้กำลังใจผู้ป่วยอยู่เสมอ ผ่านกิจกรรม เช่น

  • ดนตรีบำบัด (Music Therapy)
  • ศิลปะบำบัด (Art Therapy)
  • กิจกรรมกลุ่มกับผู้สูงวัยท่านอื่น ๆ เพื่อสร้างความสัมพันธ์

เราพบว่าผู้ป่วยที่มี “ใจพร้อม” จะฟื้นตัวเร็วกว่าเสมอ

4. บรรยากาศอบอุ่น เหมาะสำหรับผู้สูงวัยและผู้ป่วยพักฟื้น

บ้านลลิสาออกแบบสถานที่ให้เหมาะกับผู้สูงวัยทุกคน
มีทางเดินกว้าง ปลอดภัย ไม่มีขั้นบันไดสูง มีราวจับในทุกจุด ห้องพักสะอาด อากาศถ่ายเทดี และมีพื้นที่สีเขียวให้ผ่อนคลาย

ผู้ป่วยและครอบครัวจะรู้สึกเหมือนอยู่บ้านจริง ๆ เพราะเราดูแลด้วยหัวใจ

ทำเลสะดวก ปลอดภัย ใกล้โรงพยาบาลเทพปัญญา

บ้านลลิสา สาขาเมืองเชียงใหม่ ตั้งอยู่ในย่านเงียบสงบ แต่เดินทางสะดวก ห่างจาก โรงพยาบาลเทพปัญญาเพียงไม่กี่นาทีสามารถรองรับกรณีฉุกเฉินได้อย่างรวดเร็ว

ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง

เรามีทีมดูแลแบบสหวิชาชีพ (Multidisciplinary Team) ที่พร้อมดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด

  • แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู
  • นักกายภาพบำบัด
  • นักกิจกรรมบำบัด
  • นักจิตวิทยา
  • พยาบาลและผู้บริบาลวิชาชีพ

ทุกคนผ่านการอบรมเฉพาะด้านผู้ป่วย Stroke และมีประสบการณ์ตรงในการดูแลผู้สูงวัย

โปรแกรมดูแลแบบครบวงจรที่บ้านลลิสา

1. โปรแกรมระยะสั้น (Short-Term Rehabilitation)

เหมาะสำหรับผู้ที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาล ต้องการพักฟื้นร่างกายให้แข็งแรงก่อนกลับบ้าน

2. โปรแกรมระยะยาว (Long-Term Care)

สำหรับผู้ที่ต้องการการดูแลต่อเนื่อง เช่น ผู้ป่วยติดเตียง หรือมีภาวะหลอดเลือดสมองซ้ำ

3. โปรแกรมดูแลรายวัน (Day Care)

เปิดรับผู้ป่วยมารับบริการฟื้นฟูแบบรายวัน เช่น กายภาพ ฝึกสมอง หรือกิจกรรมกลุ่ม

รีวิวจากครอบครัวผู้ป่วยจริง

“คุณแม่เป็นอัมพฤกษ์มาครึ่งปี เดินไม่ได้เลย หลังจากมาอยู่บ้านลลิสา 3 เดือน ตอนนี้เริ่มยืนและเดินได้ด้วยตัวเอง ขอบคุณทีมกายภาพมากค่ะ”
— คุณวารี (ลูกสาวผู้ป่วย)

“บรรยากาศเหมือนอยู่บ้าน ดูแลดีทุกวัน คุณพ่ออารมณ์ดีขึ้นเยอะเลยครับ”
— คุณวิทยา (ญาติผู้ป่วย)

สรุป ฟื้นฟูผู้ป่วย Stroke อย่างถูกวิธี เริ่มต้นได้ตั้งแต่วันนี้

โรคหลอดเลือดสมองไม่ใช่จุดสิ้นสุดของชีวิต หากแต่เป็น “จุดเริ่มต้นของการฟื้นคืนคุณภาพชีวิตใหม่”
ที่บ้านลลิสา สาขาเมืองเชียงใหม่ เราพร้อมดูแลคุณและคนที่คุณรักด้วยหัวใจ

ด้วยโปรแกรมฟื้นฟูครบวงจร ทีมแพทย์และนักกายภาพผู้เชี่ยวชาญ
ในบรรยากาศอบอุ่น ปลอดภัย และเป็นมิตรกับผู้สูงวัย

ติดต่อเรา

บ้านลลิสา สาขาเมืองเชียงใหม่ (ใกล้โรงพยาบาลเทพปัญญา)
📞 โทร. 053-855008 , 088-2591895
💬 Line: @baanlalisacm
เปิดให้เยี่ยมชมสถานที่ได้ทุกวัน

ยิ่งเร็ว ยิ่งรอด สังเกต STROKE ด้วยหลัก F.A.S.T.

โรคหลอดเลือดสมอง หรือ Stroke คือหนึ่งในภัยเงียบที่คร่าชีวิตผู้คนจำนวนมากทั่วโลก และในประเทศไทยเองก็พบว่ามีผู้ป่วยใหม่เพิ่มขึ้นทุกปี โดยเฉพาะในกลุ่ม ผู้สูงอายุ ที่มีความเสี่ยงสูงจากโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน และไขมันในเลือดสูง

ทุก “นาที” ที่สมองขาดเลือด เซลล์สมองจะค่อย ๆ ตายลงแบบไม่สามารถฟื้นคืนได้ — ดังนั้น “ยิ่งรู้เร็ว ยิ่งรอด” คือกุญแจสำคัญที่สุด
วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจโรคนี้ให้ลึกขึ้น พร้อมเรียนรู้หลัก F.A.S.T. ที่ช่วยให้คุณช่วยชีวิตคนที่คุณรักได้ทันเวลา และยังรวมถึงแนวทาง การฟื้นฟูผู้สูงอายุหลังภาวะ Stroke จากทีมดูแลมืออาชีพของ บ้านลลิสาสาขาเชียงใหม่ดูแลผู้สูงอายุ อีกด้วย

โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) คืออะไร?

ภาวะสมองขาดเลือด — ศัตรูเงียบของผู้สูงอายุ

โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) เกิดจากการที่เลือดไม่สามารถไปเลี้ยงสมองได้ตามปกติ ทำให้สมองขาดออกซิเจนและสารอาหารที่จำเป็น เซลล์สมองจะเริ่มตายภายในไม่กี่นาที และนำไปสู่อาการอัมพฤกษ์ อัมพาต หรือเสียชีวิตได้

โรคนี้แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักคือ:

  1. โรคหลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตัน (Ischemic Stroke) – เกิดจากลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดสมอง
  2. โรคหลอดเลือดสมองแตก (Hemorrhagic Stroke) – เกิดจากหลอดเลือดสมองแตก ทำให้เลือดไหลออกมากดทับเนื้อสมอง

ในประเทศไทย Stroke เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของผู้สูงอายุ และยังเป็นสาเหตุสำคัญของ “ความพิการถาวร” หากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที

ปัจจัยเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมองในผู้สูงอายุ

ใครเสี่ยงเป็นโรคนี้มากที่สุด?

ผู้สูงอายุคือกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงสุด เพราะระบบหลอดเลือดเริ่มเสื่อมตามวัย แต่ยังมีปัจจัยอื่นที่กระตุ้นให้เกิดโรคได้ง่ายขึ้น ได้แก่

  • ความดันโลหิตสูง
  • เบาหวาน
  • ไขมันในเลือดสูง
  • ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
  • การสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์
  • ความเครียดเรื้อรัง
  • ขาดการออกกำลังกาย

การดูแลผู้สูงอายุให้มีสุขภาพแข็งแรงจึงไม่ใช่เพียงเรื่องของอาหารหรือการนอน แต่รวมถึง การตรวจสุขภาพและควบคุมปัจจัยเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง ด้วย

หลัก F.A.S.T. — วิธีจำง่ายเพื่อช่วยชีวิตจากโรคหลอดเลือดสมอง

จำไว้ให้ขึ้นใจ “F.A.S.T.”

หลัก F.A.S.T. คือแนวทางสังเกตอาการเบื้องต้นของโรคหลอดเลือดสมองที่เข้าใจง่ายและช่วยให้ผู้คนจดจำได้ทั่วโลก

ตัวอักษรความหมายอาการที่ต้องระวัง
F (Face)Face droopingใบหน้าเบี้ยว มุมปากตก ยิ้มไม่เท่ากัน
A (Arm)Arm weaknessแขนข้างหนึ่งอ่อนแรง ยกไม่ขึ้น
S (Speech)Speech difficultyพูดไม่ชัด พูดติดขัด หรือฟังไม่เข้าใจ
T (Time)Time to callพบอาการเหล่านี้ รีบโทร 1669 ทันที!

“เวลา” คือหัวใจสำคัญของการรอดชีวิตจาก Stroke เพราะการให้ยาละลายลิ่มเลือดต้องทำภายใน 4.5 ชั่วโมงหลังเกิดอาการเท่านั้น

ทำไม “เวลา” จึงสำคัญกับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง

ทุก ๆ 1 นาทีที่สมองขาดเลือด เซลล์สมองจะตายกว่า 1.9 ล้านเซลล์ การรักษาที่ช้ากว่ากำหนดเพียงไม่กี่นาที อาจทำให้ความสามารถในการพูด เดิน หรือคิดหายไปตลอดชีวิต

การช่วยเหลือที่ถูกต้องคือ:

  1. โทร 1669 ทันที อย่ารอให้หายเอง
  2. จดจำเวลาเริ่มอาการให้ได้ชัดเจน เพื่อให้แพทย์วินิจฉัยได้ถูกต้อง
  3. อย่าป้อนอาหารหรือยาใด ๆ ก่อนถึงโรงพยาบาล

การรักษาโรคหลอดเลือดสมองในโรงพยาบาล

ขั้นตอนการรักษาเบื้องต้น

  • ตรวจสมองด้วย CT Scan / MRI เพื่อแยกประเภทของโรค
  • ให้ ยาละลายลิ่มเลือด (rt-PA) สำหรับกรณีเส้นเลือดตีบ
  • ผ่าตัดหรือห้ามเลือดในกรณีเส้นเลือดแตก
  • พักฟื้นใน Stroke Unit ภายใต้การดูแลของทีมแพทย์เฉพาะทาง

การรักษาที่รวดเร็วสามารถลดความพิการถาวรและเพิ่มโอกาสกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติ

หลังผ่านวิกฤต — ฟื้นฟูอย่างถูกวิธีคือหัวใจสำคัญ

ทำไมการฟื้นฟูจึงต้องเริ่มตั้งแต่เนิ่น ๆ

หลังผู้ป่วยพ้นภาวะอันตราย “การฟื้นฟูสมรรถภาพ” คือขั้นตอนต่อไปที่สำคัญที่สุด เพื่อให้สมองและร่างกายกลับมาทำงานได้ใกล้เคียงเดิมมากที่สุด

แนวทางการฟื้นฟูประกอบด้วย

  • กายภาพบำบัด (Physical Therapy) ฝึกกล้ามเนื้อให้กลับมาเคลื่อนไหว
  • กิจกรรมบำบัด (Occupational Therapy) ฝึกทำกิจวัตรประจำวัน เช่น แต่งตัว ทานอาหาร
  • ฝึกสมอง (Cognitive Training) เพื่อเสริมความจำ สมาธิ และการตัดสินใจ
  • ดูแลด้านจิตใจ (Mental Care) ลดภาวะซึมเศร้าและสร้างแรงจูงใจให้ผู้ป่วย

บทบาทของ “บ้านลลิสาสาขาเชียงใหม่ดูแลผู้สูงอายุ” ในการฟื้นฟูผู้ป่วย Stroke

การดูแลผู้สูงอายุแบบองค์รวม

บ้านลลิสาสาขาเชียงใหม่ดูแลผู้สูงอายุ คือศูนย์ดูแลและฟื้นฟูสุขภาพครบวงจรในจังหวัดเชียงใหม่ ที่เน้นการดูแลแบบองค์รวมทั้งทางกายและใจ โดยทีมแพทย์ พยาบาล นักกายภาพ และนักกิจกรรมบำบัดผู้เชี่ยวชาญ

จุดเด่นของที่นี่คือ

  • การดูแลผู้สูงอายุที่ผ่านภาวะ Stroke แบบเฉพาะบุคคล (Personalized Care)
  • มีโปรแกรมกายภาพบำบัดเฉพาะทาง เช่น Focus Shockwave, เครื่องกระตุ้นไฟฟ้า, โปรแกรมฝึกเดินและทรงตัว
  • สภาพแวดล้อมเงียบสงบ อบอุ่น เหมาะกับการพักฟื้น
  • การดูแลตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมระบบเฝ้าระวังอาการกำเริบ

การฟื้นฟูในศูนย์เฉพาะทางเช่นนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ผู้สูงอายุสามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย

การดูแลผู้สูงอายุหลังภาวะโรคหลอดเลือดสมองที่บ้าน

ครอบครัวคือกำลังใจที่ดีที่สุด

แม้จะอยู่บ้าน ครอบครัวก็สามารถช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้เร็วขึ้นด้วยการ:

  • จัดบ้านให้เหมาะสม ปลอดภัย ไม่มีสิ่งกีดขวาง
  • ดูแลอาหารที่มีประโยชน์ ควบคุมเกลือ ไขมัน และน้ำตาล
  • กระตุ้นให้ผู้ป่วยออกกำลังกายเบา ๆ อย่างสม่ำเสมอ
  • ตรวจเช็กความดันและระดับน้ำตาลในเลือด
  • พูดคุย ให้กำลังใจ และสร้างบรรยากาศอบอุ่น

การป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง — เริ่มได้ตั้งแต่วันนี้

ปรับชีวิต ลดความเสี่ยง

  1. ควบคุมความดันโลหิต ให้อยู่ในเกณฑ์
  2. ลดอาหารเค็ม มัน หวาน
  3. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง
  4. เลิกสูบบุหรี่และดื่มสุรา
  5. พักผ่อนให้เพียงพอ และจัดการความเครียด
  6. ตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อค้นหาความเสี่ยงก่อนเกิดโรค

สรุป — ยิ่งเร็ว ยิ่งรอด รู้ทัน Stroke ช่วยชีวิตได้

โรคหลอดเลือดสมองไม่เลือกเวลาเกิด และไม่รอใคร —
ทุกนาทีคือความแตกต่างระหว่าง “ชีวิต” กับ “ความพิการถาวร”

การรู้เท่าทันอาการด้วยหลัก F.A.S.T. และการพาผู้ป่วยไปโรงพยาบาลภายใน 4.5 ชั่วโมง คือหนทางเดียวที่ช่วยชีวิตได้จริง

หลังจากผ่านพ้นช่วงวิกฤต การฟื้นฟูที่ถูกวิธีจากทีมผู้เชี่ยวชาญ เช่น บ้านลลิสาสาขาเชียงใหม่ดูแลผู้สูงอายุ
จะช่วยให้ผู้สูงอายุสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจ แข็งแรง และมีความสุขอีกครั้ง

📞 ติดต่อบ้านลลิสาสาขาเชียงใหม่ดูแลผู้สูงอายุ

บ้านลลิสา เชียงใหม่
• โทร. 053-855008 , 088-2591895
• Line: https://lin.ee/cJwaF2g หรือ @baanlalisacm
🚩 แผนที่: https://goo.gl/maps/6GXQPqhvgZ1aMWLS7

5 วิธีดูแลผู้ป่วยติดเตียงอย่างถูกต้อง เพื่อสุขภาพกายและใจที่ดีของคนที่คุณรัก

วิธีที่ 1: ควรเปลี่ยนท่านอนทุก 2–3 ชั่วโมง

1.1 ทำไมต้องเปลี่ยนท่านอนบ่อย?

1.2 วิธีเปลี่ยนท่านอนที่ถูกต้อง

1.3 เคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญบ้านลลิสาเชียงใหม่

วิธีที่ 2: ปรับเตียงเอนประมาณ 45 องศา ขณะทานอาหาร
2.1 เหตุผลที่ต้องปรับเตียง

2.2 คำแนะนำเพิ่มเติม

2.3 การดูแลโภชนาการจากบ้านลลิสา

วิธีที่ 3: เช็ดตัว อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นประจำ

3.1 ทำไมความสะอาดถึงสำคัญ?

3.2 วิธีดูแลที่ถูกต้อง

วิธีที่ 4: ให้ผู้ป่วยนอนในห้องที่สะอาดและอากาศถ่ายเท

4.1 ประโยชน์ของห้องที่สะอาดและอากาศถ่ายเท

4.2 แนวทางดูแลสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม

วิธีที่ 5: พูดคุย ให้กำลังใจ และสังเกตอารมณ์ความเครียด

5.1 ทำไมการดูแลจิตใจถึงสำคัญ?

5.2 วิธีดูแลด้านจิตใจผู้ป่วยติดเตียง

สรุป

การดูแลผู้ป่วยติดเตียงต้องทำด้วย ความรู้ + ความรัก + ความอดทน ครอบครัวควรมีแนวทางที่ถูกต้องเพื่อสุขภาพกายและใจที่ดีของผู้ป่วย หากครอบครัวรู้สึกว่าไม่สามารถดูแลได้ตลอดเวลา สามารถเลือก ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่มีทีมผู้เชี่ยวชาญ เช่น บ้านลลิสาสาขาเชียงใหม่ดูแลผู้สูงอายุ ที่พร้อมมอบการดูแลครบวงจร

ผู้สูงวัยก็สุขภาพดีได้ทุกวัน ด้วยกิจกรรมและกายภาพบำบัดที่เหมาะสม

เมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุ หลายคนอาจกังวลเกี่ยวกับสุขภาพร่างกายที่อ่อนแอลง แต่ความจริงแล้ว ผู้สูงอายุก็สามารถมีสุขภาพแข็งแรงและใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขทุกวัน เพียงแค่เลือกกิจกรรมที่เหมาะสม และได้รับการดูแลผ่าน การทำกายภาพบำบัด อย่างถูกวิธี

1. ทำไมการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุถึงสำคัญ?
เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ร่างกายและจิตใจของผู้สูงอายุมักมีการเปลี่ยนแปลง ทั้งด้านร่างกายที่เริ่มเสื่อมถอย ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง และมีโอกาสเกิดโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือโรคข้อเสื่อมมากขึ้น นอกจากนี้ ผู้สูงอายุจำนวนไม่น้อยยังเผชิญกับปัญหาด้านจิตใจ เช่น ความเหงา วิตกกังวล หรือภาวะซึมเศร้า ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตโดยรวม

ดังนั้น การดูแลสุขภาพผู้สูงอายุจึงสำคัญด้วยเหตุผลเหล่านี้

🔹เหตุผลสำคัญ

ช่วยให้ครอบครัวอุ่นใจ – เมื่อผู้สูงวัยได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม คนในครอบครัวก็สบายใจและมั่นใจได้ว่าผู้สูงอายุจะมีชีวิตที่ปลอดภัยและมีความสุข

ลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง – การออกกำลังกายและการทำกายภาพบำบัดช่วยให้หัวใจแข็งแรง ควบคุมน้ำหนัก และลดโอกาสการเกิดโรคที่มากับวัย

เพิ่มคุณภาพชีวิต – เมื่อสุขภาพแข็งแรง ผู้สูงอายุจะสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างอิสระ เช่น เดิน ทำกิจกรรม หรือเข้าสังคมได้ด้วยตนเอง

เสริมสร้างสุขภาพจิต – การทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่นช่วยลดความเหงา คลายความเครียด และทำให้ผู้สูงวัยรู้สึกว่าตนเองยังมีคุณค่า

ป้องกันการหกล้มและอุบัติเหตุ – การฝึกกายภาพบำบัดช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและการทรงตัว ลดโอกาสการล้ม ซึ่งเป็นสาเหตุใหญ่ของการบาดเจ็บในผู้สูงอายุ

2. กิจกรรมเพื่อสุขภาพที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุ

การมีกิจกรรมประจำวันเป็นสิ่งที่ช่วยให้ผู้สูงวัยมีความสุข และยังส่งผลดีต่อร่างกาย

🧘‍♀️ โยคะผู้สูงอายุ : ช่วยยืดเส้น บรรเทาอาการปวดข้อ
🚶‍♂️ เดินช้า ๆ วันละ 20-30 นาที : กระตุ้นการไหลเวียนเลือด
🎶 เต้นบำบัด / ดนตรีบำบัด : สนุกสนาน พร้อมออกกำลังกาย
🌱 ทำสวน ปลูกต้นไม้ : เสริมสมาธิและการเคลื่อนไหวเบา ๆ

3. กายภาพบำบัด ช่วยให้ผู้สูงอายุแข็งแรงขึ้น

หลายครั้งผู้สูงวัยมีอาการเจ็บปวดตามข้อหรือกล้ามเนื้อ กายภาพบำบัดจึงเป็นทางเลือกที่ดี

✅ บรรเทาอาการปวดหลัง ปวดเข่า ปวดไหล่
✅ ฟื้นฟูการเคลื่อนไหวสำหรับผู้ที่มีโรคข้อเสื่อม
✅ เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ลดโอกาสหกล้ม

4. เคล็ดลับดูแลสุขภาพผู้สูงวัยให้แข็งแรงทุกวัน

รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ เน้นผัก ผลไม้ และโปรตีนที่ย่อยง่าย ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ และเวลาการเข้านอนให้ตรงเวลา และพักผ่อนอย่างมีคุณภาพ พร้อมมีการตรวจสุขภาพประจำปีอย่างสม่ำเสมอ และต้องมีการร่วมกิจกรรมกับครอบครัว เพื่อให้หัวใจอบอุ่นและสดใสให้กับผู้สูงอายุมากขึ้น

📍้านลลิสา Nursing Home (สาขาเมืองเชียงใหม่)

สนใจสอบถามเพิ่มเติม
📞 053-855008 , 088-2591895
💬 Line : https://lin.ee/cJwaF2g
(@baanlalisacm)

🚩 แผนที่ : https://goo.gl/maps/6GXQPqhvgZ1aMWLS7

#บ้านลลิสา#บ้านลลิสาเชียงใหม่#NursingHomeเชียงใหม่ #ดูแลผู้สูงอายุ#ChiangMaiNursingHome#กิจกรรมผู้สูงอายุ#ดูแลผู้ป่วยครบวงจร#อบอุ่นหัวใจ#ใส่ใจผู้สูงวัย#ความสุขของผู้สูงอายุ#กิจกรรมบำบัดใจ#ดูแลผู้สูงอายุ#อบอุ่นเหมือนบ้าน#บ้านลลิสาเชียงใหม่ #บ้านลลิสาNursingHome#ดูแลด้วยใจ#กิจกรรมผู้สูงอายุ

อัลไซเมอร์ไม่ใช่แค่หลงลืม ความรู้และการดูแลผู้สูงอายุอย่างเข้าใจ

เพราะทุกความใส่ใจ คือพลังบวกที่ช่วยให้ผู้สูงวัยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แม้ความทรงจำจะเลือนหาย แต่ความรักจะยังคงชัดเจนเสมอ

ระวังกลางแจ้งแดดแรง ผู้สูงอายุเสี่ยงขาดน้ำ วิธีดูแลให้ปลอดภัยในหน้าร้อน

การดูแลอย่างใกล้ชิด ฟื้นฟูครบวงจร ทางเลือกที่ดีที่สุดในการดูแลผู้สูงอายุอย่างมีคุณภาพ

เมื่อผู้สูงวัยในครอบครัวเริ่มต้องการความช่วยเหลือมากขึ้น การเลือกวิธี ดูแลผู้สูงอายุ อย่างถูกต้องจึงเป็นเรื่องสำคัญ ปัจจุบันมีหลายทางเลือก เช่น ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ, เนอร์สซิ่งโฮม หรือการ ดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน แต่สิ่งสำคัญคือการดูแลแบบ “ใกล้ชิดและครบวงจร” ที่ไม่เพียงดูแลร่างกาย แต่ครอบคลุมถึงจิตใจ สังคม และการฟื้นฟูสมรรถภาพ บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจแนวทางดูแลที่ดีที่สุดสำหรับคนที่คุณรัก

1. ทำไมการดูแลผู้สูงอายุต้อง “ใกล้ชิดและครบวงจร”

– เนื่องจากทางครอบครัวอาจไม่มีเวลามากพอ

2. องค์ประกอบของการดูแลผู้สูงอายุแบบฟื้นฟูครบวงจรดูแลด้านร่างกายด้วยกิจกรรมและโภชนาการ

2.1 ดูแลจิตใจและส่งเสริมเหมือนเข้าสังคม

การดูแลจิตใจมีส่วนช่วยลดภาวะซึมเศร้าและความเครียดในผู้สูงอายุได้อย่างมีนัยสำคัญ

2.2 ฟื้นฟูรายบุคคลด้วยแผนเฉพาะ

3. ทางเลือกยอดนิยมในการดูแลผู้สูงอายุ

3.1 การดูแลที่บ้าน: เหมาะสำหรับครอบครัวที่มีเวลา

3.2 ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุแบบครบวงจร

4. ประโยชน์ของการดูแลแบบใกล้ชิดและครบวงจร

4.1 ลดภาวะแทรกซ้อนจากโรคเรื้อรัง

4.2 เพิ่มคุณภาพชีวิตและความสุขในแต่ละวัน

5. คำแนะนำในการเลือกบริการดูแลผู้สูงอายุ

การเลือกวิธี ดูแลผู้สูงอายุ ที่เหมาะสม เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนที่คุณรัก การดูแลแบบใกล้ชิดและฟื้นฟูครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นที่บ้านหรือในศูนย์ดูแลเฉพาะทาง ล้วนมีบทบาทสำคัญในการเสริมสุขภาพทั้งกายและใจ หากคุณกำลังมองหาบริการที่เหมาะสม ลองเริ่มต้นจากการศึกษาตัวเลือกให้ครอบคลุม และตัดสินใจอย่างรอบคอบ เพื่อให้ช่วงบั้นปลายชีวิตของคนที่คุณรัก เต็มไปด้วยความอบอุ่นและความสุขอย่างแท้จริง

สบายกาย สบายใจ จากการดูแลใกล้ชิดจากทีมแพทย์ กับศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ

การดูแลผู้สูงอายุคือความใส่ใจในทุกรายละเอียดเมื่ออายุมากขึ้น สุขภาพร่างกายและจิตใจของผู้สูงอายุย่อมเปลี่ยนแปลง การมีสถานที่ที่สามารถดูแลได้อย่างใกล้ชิด โดยทีมแพทย์และบุคลากรผู้เชี่ยวชาญจึงกลายเป็นทางเลือกที่หลายครอบครัวไว้วางใจ “ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ” ที่ให้การดูแลแบบองค์รวม จึงเป็นคำตอบของคุณภาพชีวิตที่ทั้งผู้สูงอายุและครอบครัวที่ต้องการ การดูแลอย่างใกล้ชิด


#ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ #ดูแลผู้สูงอายุ #นักบริบาล24ชม #แพทย์ตรวจเยี่ยม #อาหารผู้สูงอายุ #กายภาพบำบัด
#บ้านลลิสา #NursingHomeเชียงใหม่ #ออกกำลังกายผู้สูงอายุ #ดูแลด้วยใจ #สุขภาพดีทุกวัย

สนใจติดต่อ/สอบถามรายละเอียด
? โทร. 053-855008 , 088-2591895
? Line : https://lin.ee/cJwaF2g หรือ @baanlalisacm (มี @)
? แผนที่ : https://goo.gl/maps/6GXQPqhvgZ1aMWLS7

การดูแล สำหรับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง

ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุบ้านลลิสา มอบความอุ่นใจในทุกขั้นตอนของการดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง พร้อมทีมแพทย์ พยาบาล นักกายภาพ และกิจกรรมบำบัดอย่างครบวงจร

วิธีป้องกันโรคสมองเสื่อม (Dementia) และอัลไซเมอร์ในผู้สูงอายุ

เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ความเสื่อมของร่างกายและสมองก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก โดยเฉพาะโรค “สมองเสื่อม” และ “อัลไซเมอร์” ที่พบมากในผู้สูงอายุ เป็นโรคที่กระทบต่อคุณภาพชีวิตอย่างรุนแรงทั้งต่อผู้ป่วยและผู้ดูแล การเข้าใจโรค และการป้องกันตั้งแต่เนิ่น ๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม


1.1 โรคสมองเสื่อม (Dementia) คืออะไร?

โรคสมองเสื่อม คือภาวะที่ความสามารถในการคิด ความจำ การตัดสินใจ และการใช้เหตุผลลดลง ซึ่งกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของผู้ป่วย โดยทั่วไปไม่ได้เป็นโรคเฉพาะโรคใดโรคหนึ่ง แต่อาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น พาร์กินสัน เส้นเลือดในสมองตีบ ฯลฯ

1.2 โรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s Disease) คืออะไร?

อัลไซเมอร์เป็นชนิดหนึ่งของโรคสมองเสื่อมที่พบได้มากที่สุด เป็นโรคที่เกิดจากการสะสมของโปรตีนผิดปกติในสมอง ทำให้เซลล์สมองเสื่อมลงอย่างช้าๆ จนนำไปสู่การสูญเสียความจำ และการควบคุมตนเอง

2.1 ความจำระยะสั้นลดลง

ลืมสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น ทำให้เกิดการถามคำถามซ้ำ ๆ หรือจำชื่อบุคคลหรือสถานที่ที่คุ้นเคยไม่ได้

2.2 มีปัญหาในการสื่อสาร

หาคำพูดไม่เจอ พูดซ้ำๆ หรือจัดลำดับคำผิด ทำให้มีปัญหาด้านการพูดการสื่อสาร

2.3 สูญเสียความสามารถในการวางแผนหรือแก้ปัญหา

ไม่สามารถจัดการงานง่าย ๆ เช่น จ่ายบิล ทำอาหาร หรือใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าง่าย ๆ ผิดพลาดเกิดการเสียหายได้

2.4 เปลี่ยนแปลงทางอารมณ์และบุคลิกภาพ

อาจกลายเป็นคนหวาดระแวง ซึมเศร้า หรือขี้โมโหโดยไม่มีเหตุผล เป็นการหาเหตุผลที่เป็นอยู่ไม่เจอ

3.1 อายุ

ความเสี่ยงเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคสมองเสื่อมและอัลไซเมอร์จะเพิ่มขึ้นตามอายุ โดยเฉพาะหลังอายุ 65 ปี

3.2 พันธุกรรม

หากมีประวัติครอบครัวเป็นโรคสมองเสื่อมและอัลไซเมอร์ จะมีโอกาสในการเกิดโรคนี้สูงขึ้น

3.3 โรคเรื้อรัง

โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง และโรคหัวใจล้วนเพิ่มความเสี่ยงเป็นโรคสมองเสื่อมและอัลไซเมอร์

3.4 พฤติกรรมการใช้ชีวิต

การสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ ขาดการออกกำลังกาย และนอนหลับไม่เพียงพอ เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ

4.1 กระตุ้นสมองอย่างสม่ำเสมอ

ทำกิจกรรมที่ใช้ความคิด เช่น อ่านหนังสือ เล่นหมากรุก ต่อจิ๊กซอว์ หรือเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เพื่อกระตุ้นการทำงานของสมอง

4.2 รักษาสุขภาพร่างกาย

ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยวันละ 30 นาที เช่น เดิน ว่ายน้ำ หรือรำไทเก๊ก เป็นให้บ่อยอย่างเป็นประจำมากขึ้น

4.3 รับประทานอาหารสมดุล

กินอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ผัก ผลไม้ ถั่ว ธัญพืช และปลาทะเล เพื่อให้สารอาหารที่รับประทานเข้าไปบำรุงสมอง ให้มากขึ้น

4.4 นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

การนอนหลับอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อวันช่วยให้สมองฟื้นฟูและลดการเสื่อม

4.5 หลีกเลี่ยงความเครียด

ฝึกสมาธิ ทำโยคะ หรือฟังเพลงเพื่อผ่อนคลายจิตใจ จะช่วยลดความเครียดสะสมมากขึ้น

4.6 เข้าสังคมและมีกิจกรรมร่วมกับผู้อื่น

การพบปะพูดคุยกับผู้อื่นช่วยลดความเสี่ยงของภาวะซึมเศร้าและส่งผลดีต่อการใช้สมองที่ดีขึ้น

4.7 ตรวจสุขภาพสม่ำเสมอ

การตรวจสุขภาพอย่างเป็นประจำจะช่วยคัดกรองความเสี่ยง และสามารถป้องกันโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ ได้

5.1 การจัดกิจกรรมกระตุ้นสมอง

ศูนย์ดูแลจะมีโปรแกรมกิจกรรมที่ออกแบบมาโดยเฉพาะให้เหมาะแก่ผู้สูงอายุทุกท่าน เช่น เกมความจำ ดนตรีบำบัด หรือกิจกรรมศิลปะ

5.2 การดูแลโภชนาการ

มีเจ้าหน้าที่กำหนดด้านอาหารและคอยดูแลเรื่องอาหารให้ครบถ้วนให้เหมาะกับผู้สูงอายุทุกท่าน

5.3 การส่งเสริมการออกกำลังกาย

มีเจ้าหน้าที่คอยฝึกหรือเจ้าหน้าที่ดูแลการเคลื่อนไหวเบื้องต้น เพื่อส่งเสริมสมรรถภาพทางกายแต่ผู้สูงอายุทุกท่าน

5.4 การดูแลสุขภาพจิต

ผู้สูงอายุจะได้รับการพูดคุย ปรึกษา และส่งเสริมสุขภาพจิตกับเจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่องและเป็นประจำ

5.5 การเฝ้าระวังและคัดกรองภาวะสมองเสื่อม

พยาบาลจะติดตามอาการและสังเกตความผิดปกติทางพฤติกรรมของผู้สูงอายุทุกท่านอย่างใกล้ชิด

บ้านลลิสา Nursing Home – ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่คุณวางใจได้

บ้านลลิสา Nursing Home คือศูนย์ดูแลผู้สูงอายุในจังหวัดเชียงใหม่ ที่มีทีมงานมืออาชีพดูแลผู้สูงอายุแบบองค์รวม ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และสมอง พร้อมด้วยกิจกรรมหลากหลายที่ช่วยชะลอการเกิดโรคสมองเสื่อมและอัลไซเมอร์

โรคสมองเสื่อมและอัลไซเมอร์สามารถป้องกันได้หากมีการดูแลอย่างเหมาะสม ตั้งแต่การใช้ชีวิตประจำวัน การเลือกอาหาร การออกกำลังกาย จนถึงการได้รับการดูแลจากศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่มีมาตรฐาน บทความนี้หวังว่าจะช่วยให้คุณเข้าใจและพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของผู้สูงวัยได้ดียิ่งขึ้น


#ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ #บ้านลลิสาเชียงใหม่ #โรคสมองเสื่อม #อัลไซเมอร์ #ผู้สูงอายุสุขภาพดี