ระวังกลางแจ้งแดดแรง ผู้สูงอายุเสี่ยงขาดน้ำ วิธีดูแลให้ปลอดภัยในหน้าร้อน

การดูแลอย่างใกล้ชิด ฟื้นฟูครบวงจร ทางเลือกที่ดีที่สุดในการดูแลผู้สูงอายุอย่างมีคุณภาพ

เมื่อผู้สูงวัยในครอบครัวเริ่มต้องการความช่วยเหลือมากขึ้น การเลือกวิธี ดูแลผู้สูงอายุ อย่างถูกต้องจึงเป็นเรื่องสำคัญ ปัจจุบันมีหลายทางเลือก เช่น ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ, เนอร์สซิ่งโฮม หรือการ ดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน แต่สิ่งสำคัญคือการดูแลแบบ “ใกล้ชิดและครบวงจร” ที่ไม่เพียงดูแลร่างกาย แต่ครอบคลุมถึงจิตใจ สังคม และการฟื้นฟูสมรรถภาพ บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจแนวทางดูแลที่ดีที่สุดสำหรับคนที่คุณรัก

1. ทำไมการดูแลผู้สูงอายุต้อง “ใกล้ชิดและครบวงจร”

– เนื่องจากทางครอบครัวอาจไม่มีเวลามากพอ

2. องค์ประกอบของการดูแลผู้สูงอายุแบบฟื้นฟูครบวงจรดูแลด้านร่างกายด้วยกิจกรรมและโภชนาการ

2.1 ดูแลจิตใจและส่งเสริมเหมือนเข้าสังคม

การดูแลจิตใจมีส่วนช่วยลดภาวะซึมเศร้าและความเครียดในผู้สูงอายุได้อย่างมีนัยสำคัญ

2.2 ฟื้นฟูรายบุคคลด้วยแผนเฉพาะ

3. ทางเลือกยอดนิยมในการดูแลผู้สูงอายุ

3.1 การดูแลที่บ้าน: เหมาะสำหรับครอบครัวที่มีเวลา

3.2 ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุแบบครบวงจร

4. ประโยชน์ของการดูแลแบบใกล้ชิดและครบวงจร

4.1 ลดภาวะแทรกซ้อนจากโรคเรื้อรัง

4.2 เพิ่มคุณภาพชีวิตและความสุขในแต่ละวัน

5. คำแนะนำในการเลือกบริการดูแลผู้สูงอายุ

การเลือกวิธี ดูแลผู้สูงอายุ ที่เหมาะสม เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนที่คุณรัก การดูแลแบบใกล้ชิดและฟื้นฟูครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นที่บ้านหรือในศูนย์ดูแลเฉพาะทาง ล้วนมีบทบาทสำคัญในการเสริมสุขภาพทั้งกายและใจ หากคุณกำลังมองหาบริการที่เหมาะสม ลองเริ่มต้นจากการศึกษาตัวเลือกให้ครอบคลุม และตัดสินใจอย่างรอบคอบ เพื่อให้ช่วงบั้นปลายชีวิตของคนที่คุณรัก เต็มไปด้วยความอบอุ่นและความสุขอย่างแท้จริง

สบายกาย สบายใจ จากการดูแลใกล้ชิดจากทีมแพทย์ กับศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ

การดูแลผู้สูงอายุคือความใส่ใจในทุกรายละเอียดเมื่ออายุมากขึ้น สุขภาพร่างกายและจิตใจของผู้สูงอายุย่อมเปลี่ยนแปลง การมีสถานที่ที่สามารถดูแลได้อย่างใกล้ชิด โดยทีมแพทย์และบุคลากรผู้เชี่ยวชาญจึงกลายเป็นทางเลือกที่หลายครอบครัวไว้วางใจ “ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ” ที่ให้การดูแลแบบองค์รวม จึงเป็นคำตอบของคุณภาพชีวิตที่ทั้งผู้สูงอายุและครอบครัวที่ต้องการ การดูแลอย่างใกล้ชิด


#ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ #ดูแลผู้สูงอายุ #นักบริบาล24ชม #แพทย์ตรวจเยี่ยม #อาหารผู้สูงอายุ #กายภาพบำบัด
#บ้านลลิสา #NursingHomeเชียงใหม่ #ออกกำลังกายผู้สูงอายุ #ดูแลด้วยใจ #สุขภาพดีทุกวัย

สนใจติดต่อ/สอบถามรายละเอียด
📞 โทร. 053-855008 , 088-2591895
💬 Line : https://lin.ee/cJwaF2g หรือ @baanlalisacm (มี @)
📍 แผนที่ : https://goo.gl/maps/6GXQPqhvgZ1aMWLS7

การดูแล สำหรับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง

ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุบ้านลลิสา มอบความอุ่นใจในทุกขั้นตอนของการดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง พร้อมทีมแพทย์ พยาบาล นักกายภาพ และกิจกรรมบำบัดอย่างครบวงจร

Heat Stroke ภัยร้ายหน้าร้อน ป้องกัน และรับมืออย่างไรให้ปลอดภัย?

ฮีทสโตรก (Heat Stroke) คืออะไร?

1. อาการของฮีทสโตรกที่ควรเฝ้าระวัง

1.1 ผิวหนังแห้ง แดง ร้อน และไม่มีเหงื่อ แม้จะอยู่ในอากาศร้อนจัด แต่ผู้ที่เป็นฮีทสโตรกจะไม่มีเหงื่อออก เนื่องจากระบบขับเหงื่อไม่ทำงานตามปกติ

1.2 หายใจเร็ว ใจเต้นแรง เวียนศีรษะ สับสน สัญญาณเหล่านี้แสดงว่าร่างกายกำลังประสบภาวะเครียดอย่างรุนแรง และจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือด่วน


2. กลุ่มเสี่ยงที่ต้องระวังเป็นพิเศษ

2.1 ผู้สูงอายุและผู้ป่วยเรื้อรัง ผู้สูงอายุมีระบบการควบคุมอุณหภูมิร่างกายที่อ่อนแอลง รวมถึงอาจมีโรคประจำตัวที่ส่งผลให้เกิดฮีทสโตรกได้ง่ายขึ้น

2.2 เด็กเล็ก เด็กยังไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิร่างกายได้ดี ทำให้เสี่ยงเกิดฮีทสโตรกได้ง่าย โดยเฉพาะหากอยู่ในรถที่ปิดทึบ

2.3 ผู้ที่ทำงานหรือออกกำลังกายกลางแดด การใช้แรงมากในสภาพอากาศร้อนจัด จะเพิ่มอุณหภูมิภายในร่างกายอย่างรวดเร็ว


3. วิธีป้องกันฮีทสโตรกเบื้องต้นที่ทำได้ง่าย


4. การทำงานของบุคลากรบ้านลลิสา Nursing Home เพื่อป้องกันฮีทสโตรก

4.1 การประเมินสุขภาพรายวัน พยาบาลจะตรวจวัดอุณหภูมิ ความดัน และสัญญาณชีพของผู้สูงอายุทุกวัน หากพบความผิดปกติจะรายงานแพทย์ทันที

4.2 การวางแผนกิจกรรมให้เหมาะสม นักกิจกรรมบำบัดจะวางแผนกิจกรรมที่เหมาะกับสภาพอากาศ เช่น เลี่ยงกิจกรรมช่วงแดดจ้า และจัดกิจกรรมในห้องแอร์หรือร่มเงา

4.3 ระบบแจ้งเตือนกรณีฉุกเฉิน ภายในศูนย์มีระบบแจ้งเตือนฉุกเฉินในแต่ละห้อง หากผู้สูงอายุรู้สึกไม่สบายหรือเป็นลม สามารถกดปุ่มเรียกเจ้าหน้าที่ได้ทันที

4.4 การดูแลโภชนาการโดยนักกำหนดอาหาร มีการจัดเมนูอาหารพิเศษที่ช่วยปรับสมดุลร่างกาย เช่น เครื่องดื่มเกลือแร่ น้ำผลไม้สด และอาหารย่อยง่าย ลดโซเดียม

4.5 การอบรมเจ้าหน้าที่ประจำฤดูร้อน เจ้าหน้าที่ทุกคนได้รับการอบรมด้านการดูแลผู้สูงอายุในช่วงอากาศร้อน เพื่อให้สามารถระบุอาการและรับมือได้ทัน


ข้อควรระวังเพิ่มเติมในฤดูร้อน


บ้านลลิสา Nursing Home – ความห่วงใยที่จับต้องได้ ความพร้อมในการดูแลผู้สูงอายุในทุกฤดูกาล

เราคือศูนย์ดูแลผู้สูงอายุในจังหวัดเชียงใหม่ที่ให้บริการด้วยมาตรฐานระดับมืออาชีพ เน้นความปลอดภัย ความสะอาด และบรรยากาศอบอุ่นเหมือนบ้าน


ติดต่อเรา

ดูแลฟื้นฟูผู้ป่วย Stroke ด้วยกายภาพบำบัด

การฟื้นฟูผู้ป่วย Stroke ต้องการความเข้าใจ และการดูแลแบบองค์รวม การทำกายภาพบำบัดอย่างถูกวิธีและต่อเนื่องเป็นหัวใจสำคัญในการช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น “บ้านลลิสา” พร้อมดูแลฟื้นฟูผู้ป่วยอย่างมืออาชีพ เพื่อเป้าหมายในการฟื้นคืนศักยภาพการดำเนินชีวิตอย่างมั่นคง และปลอดภัย

ความสำคัญของการฟื้นฟูผู้ป่วย Stroke

ผู้ป่วย Stroke หรือโรคหลอดเลือดสมอง เป็นกลุ่มผู้ป่วยที่ต้องการการดูแลฟื้นฟูอย่างใกล้ชิด เนื่องจากภายหลังการเกิดโรค ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักประสบภาวะอ่อนแรงของร่างกายครึ่งซีก สูญเสียการควบคุมแขนขา ซึ่งส่งผลให้การทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น การเดิน การลุกนั่ง หรือการหยิบจับสิ่งของ กลายเป็นเรื่องยากลำบาก อีกทั้งยังอาจมีภาวะทางอารมณ์แปรปรวนร่วมด้วย เช่น ซึมเศร้า หรือวิตกกังวล

กายภาพบำบัด…ทางเลือกที่สำคัญในการฟื้นฟู

การทำกายภาพบำบัดจึงเป็นวิธีสำคัญที่จะช่วยฟื้นฟูการทำงานของร่างกายให้กลับมาใกล้เคียงเดิมมากที่สุด ทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ เช่น ข้อติด กล้ามเนื้อฝ่อลีบ หรือแผลกดทับ อีกทั้งยังช่วยให้ผู้ป่วยมีโอกาสกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพและเป็นอิสระมากขึ้น

บริการดูแลฟื้นฟูที่ “บ้านลลิสา”

ที่ “บ้านลลิสา” เราให้บริการดูแลและฟื้นฟูผู้ป่วย Stroke อย่างครบวงจร ด้วยทีมบุคลากรผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ด้านการกายภาพบำบัดโดยตรง ดูแลด้วยความใส่ใจ ใกล้ชิด และถูกต้องตามหลักวิชาการ

จุดเด่นของการฟื้นฟูที่บ้านลลิสา

  • ✨ การดูแลแบบเฉพาะบุคคล: ออกแบบโปรแกรมกายภาพบำบัดที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย เพื่อการฟื้นฟูที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
  • ✨ ทีมงานมืออาชีพ: นักกายภาพบำบัดที่มีใบประกอบวิชาชีพและประสบการณ์สูง พร้อมพยาบาลดูแลตลอด 24 ชั่วโมง
  • ✨ สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการฟื้นฟู: บ้านพักสะอาด ปลอดภัย อุปกรณ์ครบครัน รองรับผู้ป่วยอย่างเหมาะสม
  • ✨ การติดตามผลอย่างต่อเนื่อง: มีการประเมินและติดตามผลการฟื้นฟูอย่างสม่ำเสมอ เพื่อปรับแผนให้เหมาะสมตามพัฒนาการของผู้ป่วย
  • ✨ การดูแลด้านจิตใจและอารมณ์: มีกิจกรรมเสริมช่วยลดความเครียด และส่งเสริมกำลังใจในการฟื้นฟู
  • ✨ ความพร้อมด้านอาหารและโภชนาการ: บริการอาหารที่เหมาะสมต่อสุขภาพ และสอดคล้องกับภาวะของผู้ป่วยแต่ละราย เพื่อช่วยเสริมสร้างพลังงานในการฟื้นฟูร่างกาย
  • ✨ บริการแบบครบวงจรในที่เดียว: ครอบคลุมทั้งการฟื้นฟูทางร่างกายและจิตใจ รวมถึงการดูแลรายวันโดยทีมสหวิชาชีพ เพื่อความสะดวกสบายและมั่นใจของผู้ป่วยและครอบครัว

สิ่งที่จะได้รับจากการฟื้นฟูที่บ้านลลิสา

  • ✅ ฟื้นฟูการทำงานของกล้ามเนื้อและข้อต่อที่อ่อนแรง: ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถขยับร่างกายได้ดีขึ้น ลดอาการเกร็งและข้อติด เพิ่มความคล่องตัวในการทำกิจกรรมต่างๆ
  • ✅ ฟื้นฟูสมดุลของร่างกาย เช่น ฝึกการทรงตัว: ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถยืน เดิน หรือเปลี่ยนอิริยาบถได้อย่างมั่นคง ลดความเสี่ยงในการหกล้ม และเพิ่มความมั่นใจในการเคลื่อนไหว
  • ✅ เพิ่มขีดความสามารถในการเคลื่อนไหว เช่น การลุกนั่ง เดิน: เสริมสร้างความสามารถพื้นฐานในการดำเนินชีวิตประจำวันอย่างเป็นอิสระมากขึ้น และลดการพึ่งพาผู้อื่น
  • ✅ เพิ่มความแข็งแรง ความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ: ลดความเสี่ยงของกล้ามเนื้อฝ่อลีบ เพิ่มความทนทานและคล่องตัวต่อกิจกรรมต่างๆ ทำให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วขึ้น
  • ✅ ฝึกการใช้อุปกรณ์ช่วยเหลือต่างๆ เช่น ไม้เท้า ไม้พยุง ให้ใช้อย่างปลอดภัย: เสริมความมั่นใจและความปลอดภัยในการเคลื่อนไหว ลดอุบัติเหตุจากการใช้ผิดวิธี พร้อมแนะนำวิธีดูแลอุปกรณ์อย่างเหมาะสม
  • ✅ การดูแลอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ: ฟื้นฟูภายใต้การดูแลของทีมผู้เชี่ยวชาญที่ติดตามผลและปรับแผนอย่างเหมาะสมต่อเนื่อง
  • ✅ บริการดูแลเสริมด้านสุขภาพจิตและอารมณ์: ลดความเครียด เสริมสร้างกำลังใจ เพิ่มแรงจูงใจในการฟื้นฟู
  • ✅ บริการครบจบในที่เดียว: ทั้งการฟื้นฟู การดูแลรายวัน และบริการเสริมอื่นๆ ครบวงจรในสถานที่เดียวกัน สะดวกและปลอดภัย

สนใจติดต่อ/สอบถามรายละเอียด :

• โทร. 053-855008 , 088-2591895

• Line : @baanlalisacm (มี @)

🚩 เเผนที่ : https://goo.gl/maps/6GXQPqhvgZ1aMWLS7

#ผู้ป่วยติดเตียง#เนิร์สซิ่งโฮมเชียงใหม่#NursingHome#NursingHomeเชียงใหม่#ChiangMaiNursingHome

#ดูเเลผู้ป่วยครบวงจร#บ้านลลิสาจังหวัดเชียงใหม่

#ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุเเละผู้ป่วยระยะพักฟื้น#ดูแลผู้ป่วยStroke

ลดอุบัติเหตุสำหรับผู้สูงวัย เพิ่มความปลอดภัยในบ้าน

ผู้สูงอายุเป็นวัยที่ต้องการความปลอดภัยและความสะดวกสบายภายในบ้าน การปรับปรุงสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมจะช่วยลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น การหกล้ม การสะดุด หรืออุบัติเหตุจากไฟฟ้า บทความนี้จะนำเสนอ 8 วิธีในการเพิ่มความปลอดภัยภายในบ้านสำหรับผู้สูงอายุ เพื่อช่วยให้พวกเขาใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัยและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

1. พื้นบ้านปลอดภัย

  • ใช้พื้นกันลื่น หลีกเลี่ยงพื้นผิวที่อาจลื่นง่าย เช่น กระเบื้องมันเงาหรือพรมขนยาว
  • หากมีพรม ควรใช้เทปกันลื่นติดใต้พรมเพื่อลดโอกาสสะดุดล้ม
  • ควรปรับปรุงพื้นบ้านให้เรียบเสมอกัน ลดการใช้ธรณีประตูที่อาจทำให้สะดุด

2. แสงสว่างเพียงพอ

  • ติดตั้งไฟให้สว่างทั่วบ้าน โดยเฉพาะบริเวณบันได ห้องน้ำ และทางเดิน
  • ใช้ไฟกลางคืนหรือไฟเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวในพื้นที่สำคัญ เช่น ทางเดินไปห้องน้ำ
  • หลีกเลี่ยงการใช้แสงไฟที่สลัวเกินไปซึ่งอาจทำให้การมองเห็นไม่ชัดเจน

3. ติดตั้งราวจับในห้องน้ำ

  • ห้องน้ำเป็นจุดที่เสี่ยงต่อการลื่นล้ม ควรติดตั้งราวจับบริเวณโถสุขภัณฑ์และบริเวณอาบน้ำ
  • ใช้พื้นห้องน้ำที่มีคุณสมบัติกันลื่น และควรมีพรมกันลื่นที่สามารถระบายน้ำได้ดี
  • หากเป็นไปได้ ควรใช้เก้าอี้นั่งอาบน้ำเพื่อลดความเสี่ยงในการลื่นล้ม

4. ปรับเฟอร์นิเจอร์ให้เหมาะสม

  • ใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มั่นคง ไม่ลื่นไถล และควรมีขอบโค้งมนเพื่อลดความเสี่ยงจากการกระแทก
  • ควรมีเก้าอี้นั่งที่มีพนักพิงสูงและที่วางแขน เพื่อให้ลุกนั่งสะดวกขึ้น
  • หลีกเลี่ยงการใช้โต๊ะกระจกหรือเฟอร์นิเจอร์ที่แตกหักง่าย

5. จัดบ้านให้เป็นระเบียบ

  • เก็บสิ่งของให้เรียบร้อย ไม่วางของเกะกะบนพื้นหรือทางเดิน
  • ใช้ชั้นวางของที่หยิบจับง่าย ไม่สูงเกินไป เพื่อป้องกันการเอื้อมหยิบของแล้วเสียหลักล้ม
  • หากมีสายไฟควรเก็บให้เป็นระเบียบ หลีกเลี่ยงการวางพาดทางเดิน

6. บันไดปลอดภัย

  • ติดราวจับสองข้างของบันไดเพื่อช่วยพยุงตัว
  • ใช้แผ่นกันลื่นติดบนขั้นบันไดเพื่อลดโอกาสลื่นล้ม
  • ควรติดตั้งไฟส่องสว่างบริเวณบันไดให้ชัดเจน โดยเฉพาะเวลากลางคืน

7. ตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้า

  • ตรวจสอบสายไฟและปลั๊กไฟอย่างสม่ำเสมอ หากพบว่าสายไฟเก่า ควรเปลี่ยนทันที
  • หลีกเลี่ยงการเสียบปลั๊กไฟหลายอุปกรณ์ในเต้ารับเดียวกันเพื่อลดความเสี่ยงจากไฟฟ้าลัดวงจร
  • ควรใช้เต้ารับที่มีสวิตช์ปิด-เปิดเพื่อลดความเสี่ยงจากไฟฟ้ารั่ว

8. เตรียมอุปกรณ์ฉุกเฉิน

  • มีโทรศัพท์หรือกริ่งฉุกเฉินในห้องนอน ห้องน้ำ และบริเวณที่ผู้สูงอายุใช้บ่อย
  • ควรมีรายชื่อเบอร์ติดต่อฉุกเฉินติดไว้ในจุดที่มองเห็นง่าย
  • หากเป็นไปได้ ควรใช้สายรัดข้อมือหรืออุปกรณ์เตือนภัยฉุกเฉินที่สามารถกดเรียกความช่วยเหลือได้

การสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยสำหรับผู้สูงอายุเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยลดอุบัติเหตุและทำให้พวกเขามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ด้วยการปรับเปลี่ยนเล็กๆ น้อยๆ เช่น การใช้พื้นกันลื่น การติดตั้งราวจับ หรือการจัดบ้านให้เป็นระเบียบ สามารถช่วยให้บ้านกลายเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้น ควรให้ความสำคัญกับการตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้า และเตรียมอุปกรณ์ฉุกเฉินให้พร้อมอยู่เสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าผู้สูงวัยจะได้รับการดูแลที่ดีที่สุด

หากคุณมีความกังวลใจในการดูแลผู้ป่วยหรือผู้สูงอายุ

ให้บ้าน #บ้านลลิสา ช่วยดูแล เราพร้อมมอบความมั่นใจ

ในการบริการ ดูแลด้วยความอบอุ่น ด้วยมาตรฐานระดับสูง

และบุคลากรที่เป็นมืออาชีพ 👩‍⚕️💙

===== ===== ===== =====

สนใจติดต่อ/สอบถามรายละเอียด

• โทร. 053-855008 , 088-2591895

• Line : https://lin.ee/cJwaF2g หรือ @baanlalisacm (มี @)

กิจกรรมสร้างความสุขให้กับผู้สูงอายุ

ความสำคัญของกิจกรรมสร้างความสุขให้ผู้สูงอายุ

1. ทำไมผู้สูงอายุจึงต้องมีกิจกรรมสร้างความสุข

2. ผลกระทบของการขาดกิจกรรมต่อสุขภาพจิตของผู้สูงอายุ


กิจกรรมสร้างความสุขที่แนะนำสำหรับผู้สูงอายุ

1. การออกกำลังกายเบาๆ

การออกกำลังกายช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกายและลดความเครียด เช่น:

  • การเดินเล่นในสวนสาธารณะ
  • การทำโยคะสำหรับผู้สูงอายุ
  • การบริหารร่างกายด้วยดนตรี

2. กิจกรรมกายภาพบำบัด

เหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่มีปัญหาด้านการเคลื่อนไหว โดยเน้นการฝึกฟื้นฟูร่างกายและเสริมสร้างความแข็งแรง

กิจกรรมเชิงสังคมเพื่อความสัมพันธ์ที่ดี

1. การทำกิจกรรมร่วมกับครอบครัว

การมีกิจกรรมร่วมกับลูกหลาน เช่น ทำอาหาร เล่นเกม หรือพูดคุย จะช่วยเสริมสร้างสายใยความสัมพันธ์และลดความรู้สึกโดดเดี่ยว

2. การเข้าร่วมชมรมหรือกลุ่มกิจกรรม

ผู้สูงอายุสามารถเข้าร่วมกลุ่มทำงานฝีมือ ร้องเพลง หรือกิจกรรมทางศาสนา เพื่อพบปะผู้คนและแลกเปลี่ยนประสบการณ์

กิจกรรมเชิงสร้างสรรค์เพื่อพัฒนาทักษะและความเพลิดเพลิน

1. ศิลปะบำบัด

การวาดภาพ งานประดิษฐ์ หรือดนตรีบำบัด ช่วยกระตุ้นสมองและลดความเครียด

2. การอ่านหนังสือและเขียนไดอารี่

ช่วยพัฒนาความจำและส่งเสริมการใช้ความคิดสร้างสรรค์


บทบาทของบ้านลลิสา สาขาเชียงใหม่ในการสร้างความสุขให้ผู้สูงอายุ

1. การดูแลแบบองค์รวมที่เน้นสุขภาพและความสุข

บ้านลลิสาสาขาเชียงใหม่มุ่งเน้นการดูแลผู้สูงอายุแบบองค์รวม ครอบคลุมทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และสังคม โดยมีเจ้าหน้าที่ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง

2. กิจกรรมพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อผู้สูงอายุ

บ้านลลิสามีกิจกรรมที่ออกแบบมาเพื่อเสริมสร้างความสุขและสุขภาพ เช่น การออกกำลังกายกลุ่ม การบำบัดด้วยศิลปะ และกิจกรรมเชิงสันทนาการที่ช่วยให้ผู้สูงอายุมีความสุขในทุกๆ วัน

3. ข้อดีของกิจกรรมสร้างความสุข และประโยชน์ที่ได้รับ

การทำกิจกรรมสร้างความสุขไม่ได้เป็นเพียงแค่ความสนุกสนานในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น แต่ยังมีผลดีต่อสุขภาพกายและใจของผู้เข้าร่วมกิจกรรม โดยเฉพาะในผู้สูงอายุที่ต้องการความอบอุ่นและการมีส่วนร่วมในสังคม

🌟 ข้อดีของกิจกรรมสร้างความสุข

ช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวล – กิจกรรมที่สนุกสนานช่วยกระตุ้นสารแห่งความสุข (Endorphins) ทำให้ผู้สูงอายุรู้สึกผ่อนคลายและลดภาวะซึมเศร้าได้
เสริมสร้างความสัมพันธ์ทางสังคม – การทำกิจกรรมร่วมกันช่วยให้ผู้สูงอายุได้พบปะ พูดคุย และแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้อื่น ลดความรู้สึกโดดเดี่ยว
ส่งเสริมสุขภาพกายและจิตใจ – กิจกรรมบางประเภท เช่น การทำอาหาร วาดภาพ ร้องเพลง หรือออกกำลังกายเบาๆ มีส่วนช่วยให้สุขภาพแข็งแรงขึ้น
กระตุ้นสมองและความจำ – การทำกิจกรรมที่ต้องใช้ความคิด เช่น เกมฝึกสมอง หรือกิจกรรมศิลปะ ช่วยชะลอภาวะสมองเสื่อมและกระตุ้นการทำงานของสมอง
เพิ่มคุณค่าทางจิตใจและความภาคภูมิใจในตัวเอง – การทำกิจกรรมที่มีเป้าหมาย เช่น การทำขนมหรือการประดิษฐ์ของใช้ ทำให้ผู้สูงอายุรู้สึกว่าตนเองยังสามารถทำสิ่งที่มีประโยชน์ได้

🌿 ประโยชน์ที่ได้รับจากกิจกรรมสร้างความสุข

🔹 สุขภาพดีขึ้นทั้งกายและใจ – การทำกิจกรรมเป็นประจำช่วยให้สุขภาพแข็งแรง มีพลังงานมากขึ้น และลดความเสี่ยงของโรคต่างๆ
🔹 มีพลังบวกและความสุขในชีวิต – ช่วยสร้างมุมมองที่ดีต่อชีวิต ทำให้รู้สึกสดชื่นและกระฉับกระเฉงมากขึ้น
🔹 ช่วยให้มีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น – ผู้สูงอายุที่เข้าร่วมกิจกรรมสม่ำเสมอมักมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับครอบครัวและเพื่อนรอบตัว
🔹 ลดภาวะซึมเศร้าและความเหงา – การทำกิจกรรมอย่างสม่ำเสมอช่วยลดความรู้สึกโดดเดี่ยวและทำให้มีชีวิตชีวาขึ้น

💖 เพราะความสุขคือยาวิเศษของชีวิต
การส่งเสริมให้ผู้สูงอายุได้ทำกิจกรรมที่สร้างความสุขเป็นการช่วยให้พวกเขามีชีวิตที่สดใสและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น 😊💛

เจ้าหน้าที่ดูแลผู้สูงอายุมีบทบาทอะไรบ้าง?

การดูแลผู้สูงอายุอย่างครบวงจรต้องอาศัยเจ้าหน้าที่ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และความเข้าใจในด้านต่างๆ เพื่อให้ผู้สูงอายุได้รับการดูแลที่เหมาะสมและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยเจ้าหน้าที่ดูแลผู้สูงอายุมีบทบาทและหน้าที่หลักดังนี้

1. พยาบาลวิชาชีพ (Registered Nurse – RN)

✅ ดูแลสุขภาพทั่วไปของผู้สูงอายุ เช่น ตรวจวัดสัญญาณชีพ ให้ยา และดูแลบาดแผล
✅ ประเมินสุขภาพและติดตามอาการของผู้สูงอายุ รวมถึงให้คำแนะนำด้านสุขภาพ
✅ ให้คำปรึกษาด้านโภชนาการ และการป้องกันโรคในผู้สูงอายุ

2. ผู้ช่วยพยาบาล (Nurse Assistant)

✅ ช่วยเหลือพยาบาลในการดูแลสุขภาพพื้นฐาน เช่น เปลี่ยนผ้าอ้อม เช็ดตัว และช่วยพยุงการเคลื่อนไหว
✅ ดูแลเรื่องโภชนาการ เช่น ป้อนอาหารและน้ำให้ผู้สูงอายุที่ช่วยเหลือตัวเองได้น้อย
✅ ช่วยดูแลเรื่องสุขอนามัยส่วนบุคคล เช่น อาบน้ำ ตัดเล็บ และทำความสะอาดร่างกาย

3. นักกายภาพบำบัด (Physical Therapist – PT)

✅ ออกแบบและดำเนินการทำกายภาพบำบัดเพื่อช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกาย
✅ ช่วยให้ผู้สูงอายุสามารถเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น ลดอาการปวดกล้ามเนื้อ และเพิ่มความแข็งแรง
✅ ให้คำแนะนำเกี่ยวกับอุปกรณ์ช่วยเดิน เช่น ไม้เท้า หรือรถเข็น

4. นักกิจกรรมบำบัด (Occupational Therapist – OT)

✅ ออกแบบกิจกรรมเพื่อช่วยให้ผู้สูงอายุสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ง่ายขึ้น
✅ ช่วยฝึกทักษะด้านร่างกาย สมอง และอารมณ์ เช่น การออกกำลังกายเบาๆ ศิลปะบำบัด หรือดนตรีบำบัด
✅ ส่งเสริมให้ผู้สูงอายุสามารถช่วยเหลือตัวเองได้มากขึ้น

5. นักโภชนาการ (Dietitian/Nutritionist)

✅ ออกแบบเมนูอาหารให้เหมาะสมกับสภาวะสุขภาพของผู้สูงอายุ
✅ ควบคุมปริมาณสารอาหารที่จำเป็น และช่วยปรับอาหารให้เหมาะสมกับโรคประจำตัว
✅ ให้คำแนะนำเกี่ยวกับโภชนาการสำหรับครอบครัวและผู้ดูแล

6. นักจิตวิทยาหรือที่ปรึกษาด้านสุขภาพจิต (Psychologist/Counselor)

✅ ให้คำปรึกษาด้านจิตใจและอารมณ์แก่ผู้สูงอายุเพื่อลดภาวะซึมเศร้าและความเครียด
✅ ส่งเสริมกิจกรรมที่ช่วยให้ผู้สูงอายุรู้สึกมีคุณค่าและมีความสุข
✅ ช่วยดูแลด้านอารมณ์ของผู้สูงอายุที่มีภาวะสมองเสื่อมหรือภาวะซึมเศร้า

7. ผู้ดูแลผู้สูงอายุ (Caregiver/Personal Care Assistant)

✅ ดูแลผู้สูงอายุแบบใกล้ชิด ทั้งการช่วยเหลือกิจวัตรประจำวัน เช่น การอาบน้ำ แต่งตัว และรับประทานอาหาร
✅ ดูแลความเป็นอยู่ทั่วไป เช่น จัดห้องพักให้สะอาด สบาย และปลอดภัย
✅ พาผู้สูงอายุทำกิจกรรม เช่น ออกกำลังกาย พูดคุย หรือพาออกไปเดินเล่น


การดูแลผู้สูงอายุเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยเจ้าหน้าที่ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เพื่อให้ผู้สูงอายุได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยเจ้าหน้าที่ดูแลผู้สูงอายุแต่ละประเภทมีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือทั้งด้านสุขภาพกาย สุขภาพจิต และการใช้ชีวิตประจำวัน

💙 “เพราะการดูแลที่ดี คือกุญแจสู่ความสุขของผู้สูงอายุ”
หากกำลังมองหาสถานที่ที่มีเจ้าหน้าที่ดูแลผู้สูงอายุแบบครบวงจร บ้านลลิสาสาขาเชียงใหม่ พร้อมให้การดูแลอย่างใส่ใจและอบอุ่น 😊👵🏻👨🏻‍🦳


สรุปและข้อแนะนำสำหรับครอบครัว

กิจกรรมสร้างความสุขสำหรับผู้สูงอายุมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อสุขภาพกายและจิตใจ การเลือกกิจกรรมที่เหมาะสมจะช่วยให้ผู้สูงอายุรู้สึกมีคุณค่าและมีความสุขมากขึ้น หากคุณกำลังมองหาสถานที่ดูแลผู้สูงอายุที่ให้บริการแบบครบวงจร บ้านลลิสาสาขาเชียงใหม่ เป็นทางเลือกที่เหมาะสม ที่นี่ให้การดูแลผู้สูงอายุอย่างใส่ใจ พร้อมกิจกรรมที่ช่วยเสริมสร้างความสุขและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ข้อแนะนำ:

  • สนับสนุนให้ผู้สูงอายุเข้าร่วมกิจกรรมที่เหมาะสมกับสุขภาพและความสนใจ
  • เลือกสถานที่ที่มีบริการดูแลอย่างมืออาชีพและมีกิจกรรมที่หลากหลาย
  • ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อวางแผนการดูแลที่เหมาะสม

📌 เพราะความสุขของผู้สูงอายุ คือความสุขของทุกคนในครอบครัว 💙

#บ้านลลิสา เราพร้อมมอบความมั่นใจในการบริการ

ดูแลด้วยความอบอุ่น ด้วยมาตรฐานระดับสูง

และบุคคลากรที่เป็นมืออาชีพ 👩‍⚕️💙

สนใจติดต่อ/สอบถามรายละเอียด

• โทร. 053-855008 , 088-2591895

• Line : https://lin.ee/cJwaF2g

หรือ @baanlalisacm (มี @)

🚩 เเผนที่ : https://goo.gl/maps/6GXQPqhvgZ1aMWLS7

ดูแลผู้สูงอายุอย่างไรให้ไม่รู้สึกโดดเดี่ยว

เมื่ออายุมากขึ้น ผู้สูงอายุหลายคนต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงทั้งทางร่างกายและจิตใจ หนึ่งในปัญหาที่พบได้บ่อยคือความรู้สึกโดดเดี่ยว ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตและสุขภาพกาย การดูแลผู้สูงอายุให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ไม่ใช่เพียงแค่การดูแลสุขภาพร่างกาย แต่ยังต้องให้ความสำคัญกับจิตใจและความรู้สึกของพวกเขาด้วย บทความนี้จะนำเสนอวิธีดูแลผู้สูงอายุให้ไม่รู้สึกโดดเดี่ยว พร้อมแนะนำบริการดูแลผู้สูงอายุจากบ้านลลิสาสาขาเชียงใหม่

ความสำคัญของการดูแลผู้สูงอายุให้ไม่รู้สึกโดดเดี่ยว

ผลกระทบของความโดดเดี่ยวในผู้สูงอายุ

ผู้สูงอายุที่รู้สึกโดดเดี่ยวมักมีปัญหาสุขภาพทั้งทางกายและใจ เช่น ความเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้า ความเครียด ความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ นอกจากนี้ยังอาจนำไปสู่ภาวะสมองเสื่อมเร็วกว่าปกติ

ประโยชน์ของการดูแลด้านจิตใจสำหรับผู้สูงอายุ

การให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตของผู้สูงอายุจะช่วยเสริมสร้างความสุข ลดความเครียด และทำให้พวกเขารู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่าในครอบครัวและสังคม


วิธีดูแลผู้สูงอายุให้ไม่รู้สึกโดดเดี่ยว

การใช้เวลาร่วมกันกับครอบครัว

ความสำคัญของความสัมพันธ์ในครอบครัว

การที่สมาชิกในครอบครัวให้เวลาและความสนใจกับผู้สูงอายุเป็นสิ่งที่ช่วยลดความรู้สึกโดดเดี่ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

กิจกรรมที่สามารถทำร่วมกันได้

  • รับประทานอาหารพร้อมกัน
  • ดูโทรทัศน์หรือฟังเพลงที่ผู้สูงอายุชื่นชอบ
  • ออกไปเที่ยวหรือทำกิจกรรมกลางแจ้งร่วมกัน

การกระตุ้นให้เข้าสังคม

การเข้าร่วมชมรมผู้สูงอายุ

การเข้าร่วมชมรมหรือกลุ่มกิจกรรมสำหรับผู้สูงอายุจะช่วยให้พวกเขาได้พบปะเพื่อนใหม่ ลดความรู้สึกโดดเดี่ยว และมีกิจกรรมที่ทำให้ชีวิตมีสีสัน

การทำกิจกรรมอาสาสมัคร

การให้ผู้สูงอายุมีส่วนร่วมในกิจกรรมอาสาสมัครจะช่วยให้พวกเขารู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่าและสามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้

การดูแลสุขภาพจิตและอารมณ์

การฝึกสมาธิและโยคะ

สมาธิและโยคะเป็นกิจกรรมที่ช่วยลดความเครียดและทำให้จิตใจสงบ สามารถทำได้ง่ายและมีประโยชน์ต่อสุขภาพโดยรวมของผู้สูงอายุ

การเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเพื่อเป็นเพื่อน

การมีสัตว์เลี้ยง เช่น สุนัขหรือแมว สามารถช่วยลดความเครียดและทำให้ผู้สูงอายุรู้สึกว่ามีเพื่อนอยู่เคียงข้างเสมอ


บทบาทของบ้านลลิสาสาขาเชียงใหม่ในการดูแลผู้สูงอายุ

บริการดูแลที่ช่วยลดความโดดเดี่ยว

บ้านลลิสาสาขาเชียงใหม่มีบริการดูแลที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้สูงอายุรู้สึกอบอุ่นและได้รับการดูแลที่ดี โดยเน้นทั้งสุขภาพกายและใจ

กิจกรรมกลุ่มที่ช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์

เรามีกิจกรรมกลุ่มที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้สูงอายุได้มีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น เช่น กิจกรรมศิลปะ ดนตรีบำบัด และกิจกรรมออกกำลังกายเบาๆ


สรุปและข้อแนะนำสำหรับครอบครัว

การดูแลผู้สูงอายุให้ไม่รู้สึกโดดเดี่ยวเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้พวกเขามีความสุขและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ด้วยการให้ความรัก การใช้เวลาด้วยกัน และสนับสนุนให้พวกเขามีกิจกรรมที่สร้างความสุข หากคุณกำลังมองหาสถานที่ดูแลผู้สูงอายุที่ให้บริการครบวงจร บ้านลลิสาสาขาเชียงใหม่คือทางเลือกที่ดีสำหรับคุณ

ข้อแนะนำ:

  • หมั่นพูดคุยและให้เวลากับผู้สูงอายุเป็นประจำ
  • สนับสนุนให้พวกเขาเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคม
  • กระตุ้นให้ผู้สูงอายุทำกิจกรรมที่ชื่นชอบ
  • พิจารณาการดูแลจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ได้รับการดูแลที่เหมาะสม

ดูแลผู้สูงอายุแบบเฉพาะบุคคล เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น

การดูแลผู้สูงอายุเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสังคมที่มีจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การดูแลแบบเฉพาะบุคคลเป็นแนวทางที่ช่วยตอบสนองความต้องการเฉพาะด้านของผู้สูงอายุแต่ละคนอย่างเหมาะสม เพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นและช่วยให้พวกเขามีความสุขในทุกช่วงเวลา บทความนี้จะกล่าวถึงความสำคัญของการดูแลผู้สูงอายุแบบเฉพาะบุคคล และแนวทางการดำเนินการที่เหมาะสมในศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ

ความสำคัญของการดูแลผู้สูงอายุแบบเฉพาะบุคคล

ความแตกต่างในความต้องการของผู้สูงอายุ

  • สุขภาพร่างกาย: ผู้สูงอายุแต่ละคนมีปัญหาสุขภาพที่แตกต่างกัน เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือภาวะข้ออักเสบ
  • สุขภาพจิต: บางคนอาจมีภาวะซึมเศร้าหรือความวิตกกังวล ซึ่งต้องการการดูแลที่ใส่ใจมากขึ้น
  • ความต้องการด้านสังคม: ผู้สูงอายุบางคนต้องการกิจกรรมที่ช่วยสร้างความสัมพันธ์และลดความเหงา

ประโยชน์ของการดูแลแบบเฉพาะบุคคล

  • เพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลสุขภาพ
  • ลดความเสี่ยงต่อภาวะสุขภาพทรุดโทรม
  • ส่งเสริมความสุขและความพึงพอใจในชีวิตประจำวัน

แนวทางการดูแลผู้สูงอายุแบบเฉพาะบุคคล

การประเมินความต้องการของผู้สูงอายุ

  • การประเมินสุขภาพเบื้องต้น: ตรวจสอบประวัติการเจ็บป่วยและภาวะสุขภาพ
  • การพูดคุยกับครอบครัว: เพื่อเข้าใจประวัติชีวิตและความต้องการพิเศษของผู้สูงอายุ
  • การวิเคราะห์พฤติกรรมและกิจวัตรประจำวัน: เพื่อปรับกิจกรรมให้เหมาะสม

การจัดทำแผนการดูแลเฉพาะบุคคล

  • กำหนดเป้าหมายการดูแล: เช่น การเพิ่มความสามารถในการเคลื่อนไหว หรือการลดความเครียด
  • ออกแบบกิจกรรมที่เหมาะสม: เช่น การทำกายภาพบำบัด การระบายสี หรือการทำสมาธิ
  • การติดตามผลและปรับแผน: เพื่อให้มั่นใจว่าแผนการดูแลมีประสิทธิภาพ

การใช้เทคโนโลยีในการดูแลผู้สูงอายุ

  • อุปกรณ์ติดตามสุขภาพ: เช่น เครื่องวัดความดันโลหิต หรือสมาร์ทวอทช์
  • แอปพลิเคชันช่วยดูแลสุขภาพ: เพื่อบันทึกข้อมูลและติดตามความคืบหน้า
  • การสื่อสารออนไลน์: สำหรับการพูดคุยกับครอบครัวหรือแพทย์

บทบาทของศูนย์ดูแลผู้สูงอายุในการดูแลแบบเฉพาะบุคคล

การให้บริการที่ครอบคลุม

  • การดูแลด้านสุขภาพ เช่น การตรวจสุขภาพประจำปีและการดูแลผู้ป่วยเรื้อรัง
  • การจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ เช่น การทำงานฝีมือ การเล่นดนตรี หรือการออกกำลังกายเบาๆ
  • การดูแลด้านจิตใจ เช่น การพูดคุยและการให้คำปรึกษา

การฝึกอบรมเจ้าหน้าที่

  • เจ้าหน้าที่ควรมีความรู้ด้านการดูแลผู้สูงอายุเฉพาะทาง
  • การฝึกอบรมเรื่องการปฏิบัติต่อผู้สูงอายุด้วยความเข้าใจและความใส่ใจ

การสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นมิตร

  • การจัดสถานที่ให้เหมาะสมกับความปลอดภัยและความสะดวกสบาย
  • การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเจ้าหน้าที่และผู้สูงอายุ

กิจกรรมที่ส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ

กิจกรรมที่ช่วยเสริมสุขภาพ

  • การออกกำลังกาย เช่น โยคะสำหรับผู้สูงอายุ หรือการเดินเล่น
  • การทำกายภาพบำบัดเพื่อฟื้นฟูร่างกาย

กิจกรรมสร้างสรรค์และการเรียนรู้

  • การทำงานฝีมือ เช่น การถักโครเชต์ หรือการระบายสี
  • การเรียนรู้ทักษะใหม่ เช่น การใช้สมาร์ทโฟนหรือการทำอาหารง่ายๆ

กิจกรรมทางสังคม

  • การจัดกิจกรรมกลุ่ม เช่น การร้องเพลง หรือการเล่าเรื่อง
  • การพาผู้สูงอายุไปทัศนศึกษาในสถานที่ใกล้เคียง

การดูแลผู้สูงอายุแบบเฉพาะบุคคลเป็นวิธีที่ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตและความสุขของผู้สูงอายุได้อย่างแท้จริง ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุมีบทบาทสำคัญในการตอบสนองความต้องการเฉพาะด้านของผู้สูงอายุ ด้วยการประเมินอย่างละเอียด การจัดทำแผนดูแลที่เหมาะสม และการดำเนินกิจกรรมที่ส่งเสริมสุขภาพกายและจิตใจ การดูแลแบบนี้ไม่เพียงช่วยให้ผู้สูงอายุมีชีวิตที่ดีขึ้น แต่ยังช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้สูงอายุ ครอบครัว และศูนย์ดูแลอีกด้วย