ยิ่งเร็ว ยิ่งรอด สังเกต STROKE ด้วยหลัก F.A.S.T.

โรคหลอดเลือดสมอง หรือ Stroke คือหนึ่งในภัยเงียบที่คร่าชีวิตผู้คนจำนวนมากทั่วโลก และในประเทศไทยเองก็พบว่ามีผู้ป่วยใหม่เพิ่มขึ้นทุกปี โดยเฉพาะในกลุ่ม ผู้สูงอายุ ที่มีความเสี่ยงสูงจากโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน และไขมันในเลือดสูง

ทุก “นาที” ที่สมองขาดเลือด เซลล์สมองจะค่อย ๆ ตายลงแบบไม่สามารถฟื้นคืนได้ — ดังนั้น “ยิ่งรู้เร็ว ยิ่งรอด” คือกุญแจสำคัญที่สุด
วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจโรคนี้ให้ลึกขึ้น พร้อมเรียนรู้หลัก F.A.S.T. ที่ช่วยให้คุณช่วยชีวิตคนที่คุณรักได้ทันเวลา และยังรวมถึงแนวทาง การฟื้นฟูผู้สูงอายุหลังภาวะ Stroke จากทีมดูแลมืออาชีพของ บ้านลลิสาสาขาเชียงใหม่ดูแลผู้สูงอายุ อีกด้วย

โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) คืออะไร?

ภาวะสมองขาดเลือด — ศัตรูเงียบของผู้สูงอายุ

โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) เกิดจากการที่เลือดไม่สามารถไปเลี้ยงสมองได้ตามปกติ ทำให้สมองขาดออกซิเจนและสารอาหารที่จำเป็น เซลล์สมองจะเริ่มตายภายในไม่กี่นาที และนำไปสู่อาการอัมพฤกษ์ อัมพาต หรือเสียชีวิตได้

โรคนี้แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักคือ:

  1. โรคหลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตัน (Ischemic Stroke) – เกิดจากลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดสมอง
  2. โรคหลอดเลือดสมองแตก (Hemorrhagic Stroke) – เกิดจากหลอดเลือดสมองแตก ทำให้เลือดไหลออกมากดทับเนื้อสมอง

ในประเทศไทย Stroke เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของผู้สูงอายุ และยังเป็นสาเหตุสำคัญของ “ความพิการถาวร” หากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที

ปัจจัยเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมองในผู้สูงอายุ

ใครเสี่ยงเป็นโรคนี้มากที่สุด?

ผู้สูงอายุคือกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงสุด เพราะระบบหลอดเลือดเริ่มเสื่อมตามวัย แต่ยังมีปัจจัยอื่นที่กระตุ้นให้เกิดโรคได้ง่ายขึ้น ได้แก่

  • ความดันโลหิตสูง
  • เบาหวาน
  • ไขมันในเลือดสูง
  • ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
  • การสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์
  • ความเครียดเรื้อรัง
  • ขาดการออกกำลังกาย

การดูแลผู้สูงอายุให้มีสุขภาพแข็งแรงจึงไม่ใช่เพียงเรื่องของอาหารหรือการนอน แต่รวมถึง การตรวจสุขภาพและควบคุมปัจจัยเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง ด้วย

หลัก F.A.S.T. — วิธีจำง่ายเพื่อช่วยชีวิตจากโรคหลอดเลือดสมอง

จำไว้ให้ขึ้นใจ “F.A.S.T.”

หลัก F.A.S.T. คือแนวทางสังเกตอาการเบื้องต้นของโรคหลอดเลือดสมองที่เข้าใจง่ายและช่วยให้ผู้คนจดจำได้ทั่วโลก

ตัวอักษรความหมายอาการที่ต้องระวัง
F (Face)Face droopingใบหน้าเบี้ยว มุมปากตก ยิ้มไม่เท่ากัน
A (Arm)Arm weaknessแขนข้างหนึ่งอ่อนแรง ยกไม่ขึ้น
S (Speech)Speech difficultyพูดไม่ชัด พูดติดขัด หรือฟังไม่เข้าใจ
T (Time)Time to callพบอาการเหล่านี้ รีบโทร 1669 ทันที!

“เวลา” คือหัวใจสำคัญของการรอดชีวิตจาก Stroke เพราะการให้ยาละลายลิ่มเลือดต้องทำภายใน 4.5 ชั่วโมงหลังเกิดอาการเท่านั้น

ทำไม “เวลา” จึงสำคัญกับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง

ทุก ๆ 1 นาทีที่สมองขาดเลือด เซลล์สมองจะตายกว่า 1.9 ล้านเซลล์ การรักษาที่ช้ากว่ากำหนดเพียงไม่กี่นาที อาจทำให้ความสามารถในการพูด เดิน หรือคิดหายไปตลอดชีวิต

การช่วยเหลือที่ถูกต้องคือ:

  1. โทร 1669 ทันที อย่ารอให้หายเอง
  2. จดจำเวลาเริ่มอาการให้ได้ชัดเจน เพื่อให้แพทย์วินิจฉัยได้ถูกต้อง
  3. อย่าป้อนอาหารหรือยาใด ๆ ก่อนถึงโรงพยาบาล

การรักษาโรคหลอดเลือดสมองในโรงพยาบาล

ขั้นตอนการรักษาเบื้องต้น

  • ตรวจสมองด้วย CT Scan / MRI เพื่อแยกประเภทของโรค
  • ให้ ยาละลายลิ่มเลือด (rt-PA) สำหรับกรณีเส้นเลือดตีบ
  • ผ่าตัดหรือห้ามเลือดในกรณีเส้นเลือดแตก
  • พักฟื้นใน Stroke Unit ภายใต้การดูแลของทีมแพทย์เฉพาะทาง

การรักษาที่รวดเร็วสามารถลดความพิการถาวรและเพิ่มโอกาสกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติ

หลังผ่านวิกฤต — ฟื้นฟูอย่างถูกวิธีคือหัวใจสำคัญ

ทำไมการฟื้นฟูจึงต้องเริ่มตั้งแต่เนิ่น ๆ

หลังผู้ป่วยพ้นภาวะอันตราย “การฟื้นฟูสมรรถภาพ” คือขั้นตอนต่อไปที่สำคัญที่สุด เพื่อให้สมองและร่างกายกลับมาทำงานได้ใกล้เคียงเดิมมากที่สุด

แนวทางการฟื้นฟูประกอบด้วย

  • กายภาพบำบัด (Physical Therapy) ฝึกกล้ามเนื้อให้กลับมาเคลื่อนไหว
  • กิจกรรมบำบัด (Occupational Therapy) ฝึกทำกิจวัตรประจำวัน เช่น แต่งตัว ทานอาหาร
  • ฝึกสมอง (Cognitive Training) เพื่อเสริมความจำ สมาธิ และการตัดสินใจ
  • ดูแลด้านจิตใจ (Mental Care) ลดภาวะซึมเศร้าและสร้างแรงจูงใจให้ผู้ป่วย

บทบาทของ “บ้านลลิสาสาขาเชียงใหม่ดูแลผู้สูงอายุ” ในการฟื้นฟูผู้ป่วย Stroke

การดูแลผู้สูงอายุแบบองค์รวม

บ้านลลิสาสาขาเชียงใหม่ดูแลผู้สูงอายุ คือศูนย์ดูแลและฟื้นฟูสุขภาพครบวงจรในจังหวัดเชียงใหม่ ที่เน้นการดูแลแบบองค์รวมทั้งทางกายและใจ โดยทีมแพทย์ พยาบาล นักกายภาพ และนักกิจกรรมบำบัดผู้เชี่ยวชาญ

จุดเด่นของที่นี่คือ

  • การดูแลผู้สูงอายุที่ผ่านภาวะ Stroke แบบเฉพาะบุคคล (Personalized Care)
  • มีโปรแกรมกายภาพบำบัดเฉพาะทาง เช่น Focus Shockwave, เครื่องกระตุ้นไฟฟ้า, โปรแกรมฝึกเดินและทรงตัว
  • สภาพแวดล้อมเงียบสงบ อบอุ่น เหมาะกับการพักฟื้น
  • การดูแลตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมระบบเฝ้าระวังอาการกำเริบ

การฟื้นฟูในศูนย์เฉพาะทางเช่นนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ผู้สูงอายุสามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย

การดูแลผู้สูงอายุหลังภาวะโรคหลอดเลือดสมองที่บ้าน

ครอบครัวคือกำลังใจที่ดีที่สุด

แม้จะอยู่บ้าน ครอบครัวก็สามารถช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้เร็วขึ้นด้วยการ:

  • จัดบ้านให้เหมาะสม ปลอดภัย ไม่มีสิ่งกีดขวาง
  • ดูแลอาหารที่มีประโยชน์ ควบคุมเกลือ ไขมัน และน้ำตาล
  • กระตุ้นให้ผู้ป่วยออกกำลังกายเบา ๆ อย่างสม่ำเสมอ
  • ตรวจเช็กความดันและระดับน้ำตาลในเลือด
  • พูดคุย ให้กำลังใจ และสร้างบรรยากาศอบอุ่น

การป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง — เริ่มได้ตั้งแต่วันนี้

ปรับชีวิต ลดความเสี่ยง

  1. ควบคุมความดันโลหิต ให้อยู่ในเกณฑ์
  2. ลดอาหารเค็ม มัน หวาน
  3. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง
  4. เลิกสูบบุหรี่และดื่มสุรา
  5. พักผ่อนให้เพียงพอ และจัดการความเครียด
  6. ตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อค้นหาความเสี่ยงก่อนเกิดโรค

สรุป — ยิ่งเร็ว ยิ่งรอด รู้ทัน Stroke ช่วยชีวิตได้

โรคหลอดเลือดสมองไม่เลือกเวลาเกิด และไม่รอใคร —
ทุกนาทีคือความแตกต่างระหว่าง “ชีวิต” กับ “ความพิการถาวร”

การรู้เท่าทันอาการด้วยหลัก F.A.S.T. และการพาผู้ป่วยไปโรงพยาบาลภายใน 4.5 ชั่วโมง คือหนทางเดียวที่ช่วยชีวิตได้จริง

หลังจากผ่านพ้นช่วงวิกฤต การฟื้นฟูที่ถูกวิธีจากทีมผู้เชี่ยวชาญ เช่น บ้านลลิสาสาขาเชียงใหม่ดูแลผู้สูงอายุ
จะช่วยให้ผู้สูงอายุสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจ แข็งแรง และมีความสุขอีกครั้ง

📞 ติดต่อบ้านลลิสาสาขาเชียงใหม่ดูแลผู้สูงอายุ

บ้านลลิสา เชียงใหม่
• โทร. 053-855008 , 088-2591895
• Line: https://lin.ee/cJwaF2g หรือ @baanlalisacm
🚩 แผนที่: https://goo.gl/maps/6GXQPqhvgZ1aMWLS7

5 วิธีดูแลผู้ป่วยติดเตียงอย่างถูกต้อง เพื่อสุขภาพกายและใจที่ดีของคนที่คุณรัก

วิธีที่ 1: ควรเปลี่ยนท่านอนทุก 2–3 ชั่วโมง

1.1 ทำไมต้องเปลี่ยนท่านอนบ่อย?

1.2 วิธีเปลี่ยนท่านอนที่ถูกต้อง

1.3 เคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญบ้านลลิสาเชียงใหม่

วิธีที่ 2: ปรับเตียงเอนประมาณ 45 องศา ขณะทานอาหาร
2.1 เหตุผลที่ต้องปรับเตียง

2.2 คำแนะนำเพิ่มเติม

2.3 การดูแลโภชนาการจากบ้านลลิสา

วิธีที่ 3: เช็ดตัว อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นประจำ

3.1 ทำไมความสะอาดถึงสำคัญ?

3.2 วิธีดูแลที่ถูกต้อง

วิธีที่ 4: ให้ผู้ป่วยนอนในห้องที่สะอาดและอากาศถ่ายเท

4.1 ประโยชน์ของห้องที่สะอาดและอากาศถ่ายเท

4.2 แนวทางดูแลสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม

วิธีที่ 5: พูดคุย ให้กำลังใจ และสังเกตอารมณ์ความเครียด

5.1 ทำไมการดูแลจิตใจถึงสำคัญ?

5.2 วิธีดูแลด้านจิตใจผู้ป่วยติดเตียง

สรุป

การดูแลผู้ป่วยติดเตียงต้องทำด้วย ความรู้ + ความรัก + ความอดทน ครอบครัวควรมีแนวทางที่ถูกต้องเพื่อสุขภาพกายและใจที่ดีของผู้ป่วย หากครอบครัวรู้สึกว่าไม่สามารถดูแลได้ตลอดเวลา สามารถเลือก ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่มีทีมผู้เชี่ยวชาญ เช่น บ้านลลิสาสาขาเชียงใหม่ดูแลผู้สูงอายุ ที่พร้อมมอบการดูแลครบวงจร

ผู้สูงวัยก็สุขภาพดีได้ทุกวัน ด้วยกิจกรรมและกายภาพบำบัดที่เหมาะสม

เมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุ หลายคนอาจกังวลเกี่ยวกับสุขภาพร่างกายที่อ่อนแอลง แต่ความจริงแล้ว ผู้สูงอายุก็สามารถมีสุขภาพแข็งแรงและใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขทุกวัน เพียงแค่เลือกกิจกรรมที่เหมาะสม และได้รับการดูแลผ่าน การทำกายภาพบำบัด อย่างถูกวิธี

1. ทำไมการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุถึงสำคัญ?
เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ร่างกายและจิตใจของผู้สูงอายุมักมีการเปลี่ยนแปลง ทั้งด้านร่างกายที่เริ่มเสื่อมถอย ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง และมีโอกาสเกิดโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือโรคข้อเสื่อมมากขึ้น นอกจากนี้ ผู้สูงอายุจำนวนไม่น้อยยังเผชิญกับปัญหาด้านจิตใจ เช่น ความเหงา วิตกกังวล หรือภาวะซึมเศร้า ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตโดยรวม

ดังนั้น การดูแลสุขภาพผู้สูงอายุจึงสำคัญด้วยเหตุผลเหล่านี้

🔹เหตุผลสำคัญ

ช่วยให้ครอบครัวอุ่นใจ – เมื่อผู้สูงวัยได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม คนในครอบครัวก็สบายใจและมั่นใจได้ว่าผู้สูงอายุจะมีชีวิตที่ปลอดภัยและมีความสุข

ลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง – การออกกำลังกายและการทำกายภาพบำบัดช่วยให้หัวใจแข็งแรง ควบคุมน้ำหนัก และลดโอกาสการเกิดโรคที่มากับวัย

เพิ่มคุณภาพชีวิต – เมื่อสุขภาพแข็งแรง ผู้สูงอายุจะสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างอิสระ เช่น เดิน ทำกิจกรรม หรือเข้าสังคมได้ด้วยตนเอง

เสริมสร้างสุขภาพจิต – การทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่นช่วยลดความเหงา คลายความเครียด และทำให้ผู้สูงวัยรู้สึกว่าตนเองยังมีคุณค่า

ป้องกันการหกล้มและอุบัติเหตุ – การฝึกกายภาพบำบัดช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและการทรงตัว ลดโอกาสการล้ม ซึ่งเป็นสาเหตุใหญ่ของการบาดเจ็บในผู้สูงอายุ

2. กิจกรรมเพื่อสุขภาพที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุ

การมีกิจกรรมประจำวันเป็นสิ่งที่ช่วยให้ผู้สูงวัยมีความสุข และยังส่งผลดีต่อร่างกาย

🧘‍♀️ โยคะผู้สูงอายุ : ช่วยยืดเส้น บรรเทาอาการปวดข้อ
🚶‍♂️ เดินช้า ๆ วันละ 20-30 นาที : กระตุ้นการไหลเวียนเลือด
🎶 เต้นบำบัด / ดนตรีบำบัด : สนุกสนาน พร้อมออกกำลังกาย
🌱 ทำสวน ปลูกต้นไม้ : เสริมสมาธิและการเคลื่อนไหวเบา ๆ

3. กายภาพบำบัด ช่วยให้ผู้สูงอายุแข็งแรงขึ้น

หลายครั้งผู้สูงวัยมีอาการเจ็บปวดตามข้อหรือกล้ามเนื้อ กายภาพบำบัดจึงเป็นทางเลือกที่ดี

✅ บรรเทาอาการปวดหลัง ปวดเข่า ปวดไหล่
✅ ฟื้นฟูการเคลื่อนไหวสำหรับผู้ที่มีโรคข้อเสื่อม
✅ เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ลดโอกาสหกล้ม

4. เคล็ดลับดูแลสุขภาพผู้สูงวัยให้แข็งแรงทุกวัน

รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ เน้นผัก ผลไม้ และโปรตีนที่ย่อยง่าย ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ และเวลาการเข้านอนให้ตรงเวลา และพักผ่อนอย่างมีคุณภาพ พร้อมมีการตรวจสุขภาพประจำปีอย่างสม่ำเสมอ และต้องมีการร่วมกิจกรรมกับครอบครัว เพื่อให้หัวใจอบอุ่นและสดใสให้กับผู้สูงอายุมากขึ้น

📍้านลลิสา Nursing Home (สาขาเมืองเชียงใหม่)

สนใจสอบถามเพิ่มเติม
📞 053-855008 , 088-2591895
💬 Line : https://lin.ee/cJwaF2g
(@baanlalisacm)

🚩 แผนที่ : https://goo.gl/maps/6GXQPqhvgZ1aMWLS7

#บ้านลลิสา#บ้านลลิสาเชียงใหม่#NursingHomeเชียงใหม่ #ดูแลผู้สูงอายุ#ChiangMaiNursingHome#กิจกรรมผู้สูงอายุ#ดูแลผู้ป่วยครบวงจร#อบอุ่นหัวใจ#ใส่ใจผู้สูงวัย#ความสุขของผู้สูงอายุ#กิจกรรมบำบัดใจ#ดูแลผู้สูงอายุ#อบอุ่นเหมือนบ้าน#บ้านลลิสาเชียงใหม่ #บ้านลลิสาNursingHome#ดูแลด้วยใจ#กิจกรรมผู้สูงอายุ

อัลไซเมอร์ไม่ใช่แค่หลงลืม ความรู้และการดูแลผู้สูงอายุอย่างเข้าใจ

เพราะทุกความใส่ใจ คือพลังบวกที่ช่วยให้ผู้สูงวัยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แม้ความทรงจำจะเลือนหาย แต่ความรักจะยังคงชัดเจนเสมอ

ระวังกลางแจ้งแดดแรง ผู้สูงอายุเสี่ยงขาดน้ำ วิธีดูแลให้ปลอดภัยในหน้าร้อน

การดูแลอย่างใกล้ชิด ฟื้นฟูครบวงจร ทางเลือกที่ดีที่สุดในการดูแลผู้สูงอายุอย่างมีคุณภาพ

เมื่อผู้สูงวัยในครอบครัวเริ่มต้องการความช่วยเหลือมากขึ้น การเลือกวิธี ดูแลผู้สูงอายุ อย่างถูกต้องจึงเป็นเรื่องสำคัญ ปัจจุบันมีหลายทางเลือก เช่น ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ, เนอร์สซิ่งโฮม หรือการ ดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน แต่สิ่งสำคัญคือการดูแลแบบ “ใกล้ชิดและครบวงจร” ที่ไม่เพียงดูแลร่างกาย แต่ครอบคลุมถึงจิตใจ สังคม และการฟื้นฟูสมรรถภาพ บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจแนวทางดูแลที่ดีที่สุดสำหรับคนที่คุณรัก

1. ทำไมการดูแลผู้สูงอายุต้อง “ใกล้ชิดและครบวงจร”

– เนื่องจากทางครอบครัวอาจไม่มีเวลามากพอ

2. องค์ประกอบของการดูแลผู้สูงอายุแบบฟื้นฟูครบวงจรดูแลด้านร่างกายด้วยกิจกรรมและโภชนาการ

2.1 ดูแลจิตใจและส่งเสริมเหมือนเข้าสังคม

การดูแลจิตใจมีส่วนช่วยลดภาวะซึมเศร้าและความเครียดในผู้สูงอายุได้อย่างมีนัยสำคัญ

2.2 ฟื้นฟูรายบุคคลด้วยแผนเฉพาะ

3. ทางเลือกยอดนิยมในการดูแลผู้สูงอายุ

3.1 การดูแลที่บ้าน: เหมาะสำหรับครอบครัวที่มีเวลา

3.2 ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุแบบครบวงจร

4. ประโยชน์ของการดูแลแบบใกล้ชิดและครบวงจร

4.1 ลดภาวะแทรกซ้อนจากโรคเรื้อรัง

4.2 เพิ่มคุณภาพชีวิตและความสุขในแต่ละวัน

5. คำแนะนำในการเลือกบริการดูแลผู้สูงอายุ

การเลือกวิธี ดูแลผู้สูงอายุ ที่เหมาะสม เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนที่คุณรัก การดูแลแบบใกล้ชิดและฟื้นฟูครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นที่บ้านหรือในศูนย์ดูแลเฉพาะทาง ล้วนมีบทบาทสำคัญในการเสริมสุขภาพทั้งกายและใจ หากคุณกำลังมองหาบริการที่เหมาะสม ลองเริ่มต้นจากการศึกษาตัวเลือกให้ครอบคลุม และตัดสินใจอย่างรอบคอบ เพื่อให้ช่วงบั้นปลายชีวิตของคนที่คุณรัก เต็มไปด้วยความอบอุ่นและความสุขอย่างแท้จริง

สบายกาย สบายใจ จากการดูแลใกล้ชิดจากทีมแพทย์ กับศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ

การดูแลผู้สูงอายุคือความใส่ใจในทุกรายละเอียดเมื่ออายุมากขึ้น สุขภาพร่างกายและจิตใจของผู้สูงอายุย่อมเปลี่ยนแปลง การมีสถานที่ที่สามารถดูแลได้อย่างใกล้ชิด โดยทีมแพทย์และบุคลากรผู้เชี่ยวชาญจึงกลายเป็นทางเลือกที่หลายครอบครัวไว้วางใจ “ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ” ที่ให้การดูแลแบบองค์รวม จึงเป็นคำตอบของคุณภาพชีวิตที่ทั้งผู้สูงอายุและครอบครัวที่ต้องการ การดูแลอย่างใกล้ชิด


#ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ #ดูแลผู้สูงอายุ #นักบริบาล24ชม #แพทย์ตรวจเยี่ยม #อาหารผู้สูงอายุ #กายภาพบำบัด
#บ้านลลิสา #NursingHomeเชียงใหม่ #ออกกำลังกายผู้สูงอายุ #ดูแลด้วยใจ #สุขภาพดีทุกวัย

สนใจติดต่อ/สอบถามรายละเอียด
? โทร. 053-855008 , 088-2591895
? Line : https://lin.ee/cJwaF2g หรือ @baanlalisacm (มี @)
? แผนที่ : https://goo.gl/maps/6GXQPqhvgZ1aMWLS7

การดูแล สำหรับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง

ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุบ้านลลิสา มอบความอุ่นใจในทุกขั้นตอนของการดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง พร้อมทีมแพทย์ พยาบาล นักกายภาพ และกิจกรรมบำบัดอย่างครบวงจร

วิธีป้องกันโรคสมองเสื่อม (Dementia) และอัลไซเมอร์ในผู้สูงอายุ

เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ความเสื่อมของร่างกายและสมองก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก โดยเฉพาะโรค “สมองเสื่อม” และ “อัลไซเมอร์” ที่พบมากในผู้สูงอายุ เป็นโรคที่กระทบต่อคุณภาพชีวิตอย่างรุนแรงทั้งต่อผู้ป่วยและผู้ดูแล การเข้าใจโรค และการป้องกันตั้งแต่เนิ่น ๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม


1.1 โรคสมองเสื่อม (Dementia) คืออะไร?

โรคสมองเสื่อม คือภาวะที่ความสามารถในการคิด ความจำ การตัดสินใจ และการใช้เหตุผลลดลง ซึ่งกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของผู้ป่วย โดยทั่วไปไม่ได้เป็นโรคเฉพาะโรคใดโรคหนึ่ง แต่อาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น พาร์กินสัน เส้นเลือดในสมองตีบ ฯลฯ

1.2 โรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s Disease) คืออะไร?

อัลไซเมอร์เป็นชนิดหนึ่งของโรคสมองเสื่อมที่พบได้มากที่สุด เป็นโรคที่เกิดจากการสะสมของโปรตีนผิดปกติในสมอง ทำให้เซลล์สมองเสื่อมลงอย่างช้าๆ จนนำไปสู่การสูญเสียความจำ และการควบคุมตนเอง

2.1 ความจำระยะสั้นลดลง

ลืมสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น ทำให้เกิดการถามคำถามซ้ำ ๆ หรือจำชื่อบุคคลหรือสถานที่ที่คุ้นเคยไม่ได้

2.2 มีปัญหาในการสื่อสาร

หาคำพูดไม่เจอ พูดซ้ำๆ หรือจัดลำดับคำผิด ทำให้มีปัญหาด้านการพูดการสื่อสาร

2.3 สูญเสียความสามารถในการวางแผนหรือแก้ปัญหา

ไม่สามารถจัดการงานง่าย ๆ เช่น จ่ายบิล ทำอาหาร หรือใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าง่าย ๆ ผิดพลาดเกิดการเสียหายได้

2.4 เปลี่ยนแปลงทางอารมณ์และบุคลิกภาพ

อาจกลายเป็นคนหวาดระแวง ซึมเศร้า หรือขี้โมโหโดยไม่มีเหตุผล เป็นการหาเหตุผลที่เป็นอยู่ไม่เจอ

3.1 อายุ

ความเสี่ยงเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคสมองเสื่อมและอัลไซเมอร์จะเพิ่มขึ้นตามอายุ โดยเฉพาะหลังอายุ 65 ปี

3.2 พันธุกรรม

หากมีประวัติครอบครัวเป็นโรคสมองเสื่อมและอัลไซเมอร์ จะมีโอกาสในการเกิดโรคนี้สูงขึ้น

3.3 โรคเรื้อรัง

โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง และโรคหัวใจล้วนเพิ่มความเสี่ยงเป็นโรคสมองเสื่อมและอัลไซเมอร์

3.4 พฤติกรรมการใช้ชีวิต

การสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ ขาดการออกกำลังกาย และนอนหลับไม่เพียงพอ เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ

4.1 กระตุ้นสมองอย่างสม่ำเสมอ

ทำกิจกรรมที่ใช้ความคิด เช่น อ่านหนังสือ เล่นหมากรุก ต่อจิ๊กซอว์ หรือเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เพื่อกระตุ้นการทำงานของสมอง

4.2 รักษาสุขภาพร่างกาย

ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยวันละ 30 นาที เช่น เดิน ว่ายน้ำ หรือรำไทเก๊ก เป็นให้บ่อยอย่างเป็นประจำมากขึ้น

4.3 รับประทานอาหารสมดุล

กินอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ผัก ผลไม้ ถั่ว ธัญพืช และปลาทะเล เพื่อให้สารอาหารที่รับประทานเข้าไปบำรุงสมอง ให้มากขึ้น

4.4 นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

การนอนหลับอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อวันช่วยให้สมองฟื้นฟูและลดการเสื่อม

4.5 หลีกเลี่ยงความเครียด

ฝึกสมาธิ ทำโยคะ หรือฟังเพลงเพื่อผ่อนคลายจิตใจ จะช่วยลดความเครียดสะสมมากขึ้น

4.6 เข้าสังคมและมีกิจกรรมร่วมกับผู้อื่น

การพบปะพูดคุยกับผู้อื่นช่วยลดความเสี่ยงของภาวะซึมเศร้าและส่งผลดีต่อการใช้สมองที่ดีขึ้น

4.7 ตรวจสุขภาพสม่ำเสมอ

การตรวจสุขภาพอย่างเป็นประจำจะช่วยคัดกรองความเสี่ยง และสามารถป้องกันโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ ได้

5.1 การจัดกิจกรรมกระตุ้นสมอง

ศูนย์ดูแลจะมีโปรแกรมกิจกรรมที่ออกแบบมาโดยเฉพาะให้เหมาะแก่ผู้สูงอายุทุกท่าน เช่น เกมความจำ ดนตรีบำบัด หรือกิจกรรมศิลปะ

5.2 การดูแลโภชนาการ

มีเจ้าหน้าที่กำหนดด้านอาหารและคอยดูแลเรื่องอาหารให้ครบถ้วนให้เหมาะกับผู้สูงอายุทุกท่าน

5.3 การส่งเสริมการออกกำลังกาย

มีเจ้าหน้าที่คอยฝึกหรือเจ้าหน้าที่ดูแลการเคลื่อนไหวเบื้องต้น เพื่อส่งเสริมสมรรถภาพทางกายแต่ผู้สูงอายุทุกท่าน

5.4 การดูแลสุขภาพจิต

ผู้สูงอายุจะได้รับการพูดคุย ปรึกษา และส่งเสริมสุขภาพจิตกับเจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่องและเป็นประจำ

5.5 การเฝ้าระวังและคัดกรองภาวะสมองเสื่อม

พยาบาลจะติดตามอาการและสังเกตความผิดปกติทางพฤติกรรมของผู้สูงอายุทุกท่านอย่างใกล้ชิด

บ้านลลิสา Nursing Home – ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่คุณวางใจได้

บ้านลลิสา Nursing Home คือศูนย์ดูแลผู้สูงอายุในจังหวัดเชียงใหม่ ที่มีทีมงานมืออาชีพดูแลผู้สูงอายุแบบองค์รวม ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และสมอง พร้อมด้วยกิจกรรมหลากหลายที่ช่วยชะลอการเกิดโรคสมองเสื่อมและอัลไซเมอร์

โรคสมองเสื่อมและอัลไซเมอร์สามารถป้องกันได้หากมีการดูแลอย่างเหมาะสม ตั้งแต่การใช้ชีวิตประจำวัน การเลือกอาหาร การออกกำลังกาย จนถึงการได้รับการดูแลจากศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่มีมาตรฐาน บทความนี้หวังว่าจะช่วยให้คุณเข้าใจและพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของผู้สูงวัยได้ดียิ่งขึ้น


#ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ #บ้านลลิสาเชียงใหม่ #โรคสมองเสื่อม #อัลไซเมอร์ #ผู้สูงอายุสุขภาพดี

Heat Stroke ภัยร้ายหน้าร้อน ป้องกัน และรับมืออย่างไรให้ปลอดภัย?

ฮีทสโตรก (Heat Stroke) คืออะไร?

1. อาการของฮีทสโตรกที่ควรเฝ้าระวัง

1.1 ผิวหนังแห้ง แดง ร้อน และไม่มีเหงื่อ แม้จะอยู่ในอากาศร้อนจัด แต่ผู้ที่เป็นฮีทสโตรกจะไม่มีเหงื่อออก เนื่องจากระบบขับเหงื่อไม่ทำงานตามปกติ

1.2 หายใจเร็ว ใจเต้นแรง เวียนศีรษะ สับสน สัญญาณเหล่านี้แสดงว่าร่างกายกำลังประสบภาวะเครียดอย่างรุนแรง และจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือด่วน


2. กลุ่มเสี่ยงที่ต้องระวังเป็นพิเศษ

2.1 ผู้สูงอายุและผู้ป่วยเรื้อรัง ผู้สูงอายุมีระบบการควบคุมอุณหภูมิร่างกายที่อ่อนแอลง รวมถึงอาจมีโรคประจำตัวที่ส่งผลให้เกิดฮีทสโตรกได้ง่ายขึ้น

2.2 เด็กเล็ก เด็กยังไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิร่างกายได้ดี ทำให้เสี่ยงเกิดฮีทสโตรกได้ง่าย โดยเฉพาะหากอยู่ในรถที่ปิดทึบ

2.3 ผู้ที่ทำงานหรือออกกำลังกายกลางแดด การใช้แรงมากในสภาพอากาศร้อนจัด จะเพิ่มอุณหภูมิภายในร่างกายอย่างรวดเร็ว


3. วิธีป้องกันฮีทสโตรกเบื้องต้นที่ทำได้ง่าย


4. การทำงานของบุคลากรบ้านลลิสา Nursing Home เพื่อป้องกันฮีทสโตรก

4.1 การประเมินสุขภาพรายวัน พยาบาลจะตรวจวัดอุณหภูมิ ความดัน และสัญญาณชีพของผู้สูงอายุทุกวัน หากพบความผิดปกติจะรายงานแพทย์ทันที

4.2 การวางแผนกิจกรรมให้เหมาะสม นักกิจกรรมบำบัดจะวางแผนกิจกรรมที่เหมาะกับสภาพอากาศ เช่น เลี่ยงกิจกรรมช่วงแดดจ้า และจัดกิจกรรมในห้องแอร์หรือร่มเงา

4.3 ระบบแจ้งเตือนกรณีฉุกเฉิน ภายในศูนย์มีระบบแจ้งเตือนฉุกเฉินในแต่ละห้อง หากผู้สูงอายุรู้สึกไม่สบายหรือเป็นลม สามารถกดปุ่มเรียกเจ้าหน้าที่ได้ทันที

4.4 การดูแลโภชนาการโดยนักกำหนดอาหาร มีการจัดเมนูอาหารพิเศษที่ช่วยปรับสมดุลร่างกาย เช่น เครื่องดื่มเกลือแร่ น้ำผลไม้สด และอาหารย่อยง่าย ลดโซเดียม

4.5 การอบรมเจ้าหน้าที่ประจำฤดูร้อน เจ้าหน้าที่ทุกคนได้รับการอบรมด้านการดูแลผู้สูงอายุในช่วงอากาศร้อน เพื่อให้สามารถระบุอาการและรับมือได้ทัน


ข้อควรระวังเพิ่มเติมในฤดูร้อน


บ้านลลิสา Nursing Home – ความห่วงใยที่จับต้องได้ ความพร้อมในการดูแลผู้สูงอายุในทุกฤดูกาล

เราคือศูนย์ดูแลผู้สูงอายุในจังหวัดเชียงใหม่ที่ให้บริการด้วยมาตรฐานระดับมืออาชีพ เน้นความปลอดภัย ความสะอาด และบรรยากาศอบอุ่นเหมือนบ้าน


ติดต่อเรา